“ณัฐพงษ์” ดับกระแสลือดีล “อนุทิน” เสนอตัวเป็นนายกฯ ชั่วคราว เชื่อการเมืองไทยยังไม่ถึงทางตัน ใช้จำนวน สส. ที่มีอยู่เปิดประตูหาทางออก มองคำสั่งศาลสั่ง “แพทองธาร” หยุดหน้าที่ ตอกย้ำ ปชน. เลือกทางถูก ไม่รับลูก “ภูมิใจไทย” เสนอยื่นซักฟอก
วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่อาคารอนาคตใหม่ ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคประชาชน ในการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ว่า การเปิดสมัยประชุมนี้ พรรคประชาชนยืนยันว่าเราพร้อมจะใช้กลไกในสภาฯ ทุกช่องทาง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ เป็นการปลดล็อกทางการเมืองมากกว่าเพียงแค่การปลดล็อกการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไป ตนได้มีการสื่อสารไปก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้วว่า ภายใต้สมการทางการเมืองแบบที่เป็นอยู่ จากจำนวน สส.ในสภาฯ ที่เป็นอยู่ พวกเราเห็นว่าการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะกระบวนการใดก็ตาม ทั้งการลาออก หรือถอดถอนในกระบวนการนิติสงครามที่เราไม่เห็นด้วย ไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม มีประสิทธิภาพ และสมาธิ ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเรื่องนี้ตนจะมีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกัน
ส่วนกระแสข่าวที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว พรรคประชาชนมองอย่างไร นายณัฐพงษ์ ย้ำว่าต้องเรียนตามข้อเท็จจริง มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด แต่ในรายละเอียดตนขอยังไม่สื่อสารในตอนนี้ เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ขอยืนยันอีกหนึ่ง เราไม่ได้มองว่าการเมืองจะถึงทางตัน เพราะการเดินเข้าสู่ทางตันมีกรณีเดียวคือ กลุ่มคนบางกลุ่มพยายามสร้างเงื่อนไข สร้างสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อใช้อำนาจนอกระบบ ไม่ว่าจะปฏิวัติรัฐประหาร หรือนายกรัฐมนตรีที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นบางตัวเลขที่ได้มีการหารือกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านในหลังบ้าน ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าเรามองเห็นทุกฉากทัศน์การเมืองหลายทาง ตอนนี้มีทางไปแน่นอน
...
ผู้สื่อข่าวถามต่อ หากมีการเสนอชื่อ นายอนุทิน พรรคประชาชนจะโหวตให้ โดยไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ขอยังไม่ลงรายละเอียด เพราะยังไม่อยากยืนยันในตอนนี้ ตนยังพูดฝ่ายเดียวไม่ได้ สุดท้ายอีกฝั่งหนึ่ง หรือทางพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทินเอง ก็ต้องเห็นด้วยกับเรา เพราะที่ผ่านมาในการคุยนอกรอบหรือไม่เป็นทางการยังมีตัวเลือกความเป็นไปได้ต่างๆ อื่นอีก ยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์แบบไหน การตัดสินใจของพรรคประชาชน เราจะใช้จำนวนเสียง สส. ที่มีทั้งหมดเปิดประตูหาทางออกให้กับประเทศนี้
ทางด้านคำถามมีการประเมินฉากทัศน์ต่อไปก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ มองว่า อย่างแรกหากนางสาวแพทองธาร ไม่ยอมลาออก สถานการณ์ก็ยังเป็นแบบนี้ มีนายกรัฐมนตรีรักษาการไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างที่ 2 นายกรัฐมนตรีสามารถตัดสินใจลาออกได้เลย เพื่อเดินหน้าเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะที่ฉากทัศน์ต่อไปหากมีการยุบสภา ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางพรรคประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอดว่า เราอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุดนั้น ก็อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจอย่างไร เรายืนยันว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภา
สำหรับกรณีมีการตั้งคำถามว่า ที่พรรคประชาชนเลือกแนวทางยุบสภาเป็นเพราะได้ประโยชน์หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนน้อมรับในข้อคิดเห็นของแต่ละฝ่าย แต่ขอชวนประชาชนทุกคนคิดและมีการตั้งคำถามในใจว่า หากเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน มีความชอบธรรม มีหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไม่ได้มาจากการแบ่งสร้างสรรเก้าอี้ตามโควตาพรรคการเมือง เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง อยากให้ ครม. คัดสรรคนที่มีความรู้ ความสามารถมาดำรงตำแหน่ง ถ้าเราอยากได้แบบนี้ เราลองดูทางเลือกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่มีอยู่
“ลองจินตนาการดูว่ามีแบบไหนบ้างที่เราจะได้รัฐบาลตามที่พรรคประชาชนเสนอได้ ผมเชื่อว่าประชาชนทุกคนเห็นตรงกันว่า ทางออกคือการคืนอำนาจให้กับประชาชน”
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปถึงการใช้กลไกสภาฯ ในการตรวจสอบ ว่า พรรคประชาชนจะเริ่มต้นตั้งแต่การตั้งกระทู้ถามสด และญัตติด่วนต่างๆ ส่วนอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 พวกเราไม่ได้ปฏิเสธ และเห็นด้วยว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการกดดันรัฐบาลให้มีการยุบสภา และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการตรวจสอบ แต่ต้องดูว่าจังหวะไหนจะเข้าเป้ามากที่สุด เพราะกรณีการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาก่อนหน้านี้ว่าเราไม่ได้ปฏิเสธ แต่ต้องรอดูสถานการณ์ที่ตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจถูกต้อง ไม่ได้ออกไปรับลูกข้อเสนอพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้
ในกรณีกลุ่มผู้ชุมนุม ตนค่อนข้างอยากให้กำลังใจประชาชนทุกคน เพราะเข้าใจว่าตอนนี้จากสถานการณ์ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และมีความคิดที่อยากให้นางสาวแพทองธาร ออกจากตำแหน่ง ซึ่งต้องออกมาเรียกร้องนั้น แต่ไม่ว่าเราจะมีความไม่พอใจต่อนางสาวแพทองธารอย่างไร เราไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมย้ำว่า ผู้ชุมนุมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าแกนนำมีส่วนชี้นำที่จะนำไปสู่กลไกนอกระบบ ทั้งรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรี มาตรา 5 เราก็ไม่ควรสนับสนุนในส่วนนั้น
ประเด็นคำถามข้อกล่าวหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือเรื่องขัดจริยธรรมร้ายแรง นางสาวแพทองธาร ควรโดนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ เห็นว่า คนที่ควรตัดสินเรื่องจริยธรรมของนักการเมืองควรเป็นประชาชน เพราะแน่นอนที่สุดว่า หากนักการเมืองมีเรื่องทุจริต เรายังมีกลไกของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีอยู่แล้ว หากเป็นช่องในการตัดสินมาตรฐานจริยธรรมต่างๆ ควรเป็นประชาชนตัดสินผ่านคูหาการเลือกตั้ง เพื่อให้นักการเมืองมีความรับผิดชอบจากประชาชน และไม่ควรอาศัยกลไกนี้ เพียงแค่หวังผลทุบทำลายให้ใครออกจากตำแหน่ง โดยยื่นดาบให้กับตุลาการที่มีองค์คณะแค่ไม่กี่คน ในการตัดสิน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีมีคนเตรียมยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม ตอนนี้นางสาวแพทองธาร กำลังจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หากมีการดำเนินการแล้วเห็นถึงความไม่เหมาะสม เราก็พร้อมใช้ทุกกลไกในการตรวจสอบ และถอดถอนออกจากตำแหน่ง.