สองนักวิชาการมองอนาคตทางการเมืองของนายกฯ แพทองธาร ว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะถูกศาล รธน. วินิจฉัยในทางลบ โดย รศ. สมชัย ศรีสุทธิยากร บอก มองคะแนนเสียงของศาล รธน. แล้ว บอกได้เลยว่า ลุ้นค่อนข้างยาก

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 รศ.ดร. ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐทีวี ถึงมติของศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งให้น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ว่า มติของศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 มาจาก 3 ปัจจัยคือ 1. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ 2. นายกฯ ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงของตัวเอง และ 3. นายกรัฐมนตรีไม่ได้ดำเนินการหารือตามระเบียบทางการทูต

ซึ่ง รศ.ดร. ยุทธพร ประเมินอนาคตของน.ส. แพทองธารว่ามีความเสี่ยงสูงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในทางลบต่อตัวนายกรัฐมนตรี หากเป็นเช่นนั้นจริง น.ส. แพทองธารจะไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้อีก เนื่องจากการขาดคุณสมบัติ ซึ่งโทษครั้งนี้ร้ายแรงกว่าการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอย่างมาก เพราะหากถูกตัดสิทธิ์ยังมีระยะเวลาจำกัด แต่หากขาดคุณสมบัติ ถือว่าหมดสิทธิ์การเป็นรัฐมนตรีตลอดชีพ

จึงอยากแนะให้น.ส. แพทองธารชิงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อตัดตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากนายกฯ ลาออกศาลก็ไม่มีความจำเป็นต้องหยิบยกคำร้องนี้มาพิจารณาอีก

ขณะที่ รศ. สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกัน ว่าอนาคตของน.ส. แพทองธาร มีความเสี่ยงสูงที่ศาลจะวินิจฉัยถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพราะหากพิจารณาความเห็นของศาลที่มีมติให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ 7 ต่อ 2 นั้น ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากอีก 2 เสียงที่ไม่เห็นด้วยข้างต้นนั้นมองว่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นกันแต่ให้หยุดเฉพาะส่วนความมั่นคง การต่างประเทศและการคลังเท่านั้น

...

นายสมชัยมองว่าทางออกของนายกฯ อิ๊งค์ คือการใช้สิทธิ์ในการชี้แจงภายในกรอบเวลา 15 วัน หลังจากนั้นค่อยรอศาลตัดสิน ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 วัน ในส่วนของพรรคเพื่อไทยควรต้องประเมินถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดก่อน นั่นคือการที่นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง ว่าจะให้ใครขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทน และต้องจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลให้แน่น

นายสมชัยแนะว่าทางออกที่ดีที่สุดของนายกฯ คือการชิงลาออก เนื่องจากคำตัดสินไม่สามารถมีผลย้อนหลังได้ และเมื่อดูจากมติ 7 ต่อ 2 แล้วคงลุ้นยาก เมื่อถามว่านายกยังอ่อนประสบการณ์อยู่หรือไม่ นายสมชัยระบุว่า น.ส. แพรทองธารขึ้นเป็นนายกฯ เร็วเกินไปมากกว่า การตัดสินใจยังต้องพึ่งที่ปรึกษา แต่กรณีการเจรจาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซนเป็นสิ่งที่ตัดสินใจเอง ซึ่งผลสุดท้ายก็กลายเป็นภัยต่อประเทศ