สินค้า GI ของดีประเทศไทย 5 รายการ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ - มะขามหวานเพชรบูรณ์ - ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง - ทุเรียนปราจีนบุรี - มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี” เตรียมขึ้นทะเบียนในจีน ด้านพาณิชย์ เตรียมขนผลไม้ไทยจัดกิจกรรม “Thai Fruit Golden Month” ในจีน มิ.ย. - ก.ค.

หากจะกล่าวถึง “GI” (Geographical Indication) หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ คือสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตเฉพาะเจาะจง โดยคุณภาพหรือเอกลักษณ์ของสินค้านั้นเป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า หรือจะกล่าวง่ายๆ คือ สินค้าที่ผลิตขึ้นจากภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือลักษณะเฉพาะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ ทำให้สินค้ามีคุณภาพ ลักษณะเฉพาะ หรือเอกลักษณ์ที่เลียนแบบไม่ได้

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า ไทยมีสินค้า GI จำนวน 232 รายการ แบ่งเป็น ข้าว 23 รายการ, พืช ผัก ผลไม้ 120 รายการ, ประมง 13 รายการ, อาหาร 33 รายการ, ผ้า 17 รายการ, ไวน์-สุรา 2 รายการ, ปศุสัตว์ 1 รายการ และหัตถกรรม 23 สินค้า มาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยการขึ้นทะเบียน GI นอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและสร้างรายได้ให้ชุมชนแล้ว ยังจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัดให้แข็งแกร่งและยั่งยืน

...

สำหรับการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ มีการขึ้นทะเบียนไปแล้ว 9 สินค้า ใน 33 ประเทศ และอยู่ระหว่างการพิจารณารับจดทะเบียน 7 สินค้า ใน 30 ประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป, สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, อินเดีย (ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2568)

ในส่วนของเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน สินค้า GI ไทย อยู่ระหว่างการพิจารณารับจดทะเบียน มีทั้งสิ้น 5 สินค้า ได้แก่

ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้

การปลูกข้าวหอมมะลิชนิดนี้ อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทำให้ปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็นและปราศจากฝน ต้องระบายน้ำออกก่อนเก็บเกี่ยวข้าวประมาณ 10 วัน จะทำให้ผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ มีคุณภาพดี ข้าวสารมีเมล็ดใส และแกร่ง ข้าวสุกมีความหอมและนุ่ม จึงทำให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้มีคุณภาพเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากข้าวหอมมะลิที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ค้าและผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

มะขามหวานเพชรบูรณ์

เป็นมะขามที่มีเปลือกสีน้ำตาลเนียน มีเนื้อสีสวยสม่ำเสมอ หนา นุ่มเหนียว ไม่แข็งกระด้าง เสี้ยนน้อย รสชาติหวานหอม ปลูกในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง

เนื้อเป็นสีชมพูเข้มคล้ายสีทับทิมจนถึงสีแดง ผิวผลนิ่มดังกำมะหยี่ เมล็ดมากเรียงชิดแกนผล เนื้อมีขนาดเล็กเบียดกันแน่น ไม่แตกง่าย ไม่แฉะน้ำ รสชาติหวานนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว และไม่ขมติดลิ้น ปลูกในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทุเรียนปราจีนบุรี

ทุเรียนปราจีนบุรี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้า GI มีจำนวน 7 สายพันธุ์ แบ่งเป็นทุเรียนพันธุ์การค้าคือ ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี พันธุ์กระดุมทอง และทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมือง ประกอบด้วย ทุเรียนพันธุ์กบชายน้ำ พันธุ์ชมพูศรี และพันธุ์กำปั่น เนื้อแห้ง หนา เส้นใยน้อย หวานมัน ปลูกมากในเขตพื้นที่อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอนาดี

มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี

มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์เตี้ยสีเขียว มีเปลือกสีเขียวสด ก้นจีบ ตรงกลางผลป่องกลม เนื้อหนาสองชั้น น้ำมะพร้าวมีรสหวานและกลิ่นหอมคล้ายใบเตย ปลูกครอบคลุมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอวัดเพลง อำเภอบ้านโป่ง อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอบางแพ อำเภอปากท่อ และอำเภอโพธาราม ของจังหวัดราชบุรี

พาณิชย์เตรียมขนผลไม้ไทยจัดงาน “Thai Fruit Golden Month” ในจีน

ทางด้าน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ขณะเยืนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มั่นใจว่าการส่งออกผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ อีกทั้งพบว่าผลไม้ไทยหลายชนิด เช่น ทุเรียนหมอนทอง มะพร้าว มังคุด และส้มโอ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคจีน และได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ

ทั้งนี้ ไทยส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งไปจีนในปี 2567 ราว 920,000 ตัน และในปี 2568 ผลผลิตทุเรียนของไทยเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านตัน เป็น 1.5 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นอีก 300,000 ตัน ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจตลาดในหลายภูมิภาคของจีน ทั้งภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก พบว่าผู้บริโภคจีนยังคงมีความต้องการผลไม้ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าตลาดจีนสามารถรองรับปริมาณผลผลิตทุเรียนไทย 1.1 ล้านตันในปี 2568 ได้ ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทยที่จะทำให้ราคาปีนี้สูงขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าส่งเสริมผลไม้ไทยชนิดอื่นๆ อาทิ มังคุด ส้มโอ เงาะ และมะพร้าว ซึ่งล้วนเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีน โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมากกว่า 500 ล้านคน จากประชากรจีนรวมเกือบ 1,400 ล้านคน

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมจัดกิจกรรม “Thai Fruit Golden Month” ร่วมกับห้าง Hema ของจีนในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2568 โดยจะมีการจัดแสดงผลไม้ไทยในสาขาของ Hema ทั่วประเทศจีน ซึ่งห้างค้าปลีกระดับพรีเมียมในเครือ Alibaba Group ที่มีทั้งระบบขายหน้าร้านและออนไลน์ โดยมีเครือข่ายกว่า 454 สาขาทั่วประเทศจีน รวมถึง 87 สาขาในนครเซี่ยงไฮ้ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของไทยและจีนครบรอบ 50 ปีในปีนี้ (พ.ศ. 2568) ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ยังได้จัดทำกล่องบรรจุผลไม้ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นลายรถตุ๊กตุ๊ก ที่สื่อถึงความเป็นไทยและสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นสินค้าไทยแท้ คาดว่าจะทำให้ได้รับความสนใจและกระตุ้นยอดขายจากผู้ซื้อเพิ่มขึ้นอีกด้วย.

(ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกระทรวงพาณิชย์)