“ภูมิธรรม” เข้ากระทรวงมหาดไทยครั้งแรก หลัง “อนุทิน” ลาออก มอบนโยบายในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล ชี้ ที่ผ่านมางานไม่เต็มที่อย่างที่รัฐบาลคาดหวัง บอก ถูกต้อนรับเหมือนเป็น มท.1 คาดสัปดาห์หน้า ครม.ชุดใหม่จะมีการโปรดเกล้าฯ
วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทย เพื่อมามอบนโยบายให้แก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย โดยมีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยอธิบดีในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ
เมื่อมาถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทยแนะนำอธิบดีกรมต่างๆ ให้นายภูมิธรรมทราบ จากนั้นนายภูมิธรรมกล่าวกับสื่อมวลชนว่าวันนี้มาประชุม ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าจะมาคุมกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ เพราะเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงมหาดไทยน่าอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า เคยอยู่มาก่อนแล้ว ในคำถามว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีมีการส่งสัญญาณใดเกี่ยวกับการมากำกับกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร เมื่อสักครู่นี้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องสแกมเมอร์

...

จากนั้น นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย พร้อมกล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้มาในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ตนเคยอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 ในสมัย ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนเชื่อว่าสัปดาห์หน้า อย่างช้าต้นสัปดาห์ถัดไป ครม.ชุดใหม่จะมีการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยถือเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญและเป็นหัวใจที่สำคัญของรัฐบาล ที่สามารถนำทรัพยากรต่างๆ ของรัฐ ในวันนี้ถือว่ามาเยี่ยมเยียนและอยากมาทำความเข้าใจเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ข้าราชการได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาก็ค่อยว่ากันต่อไป ขอบพระคุณและยินดีที่ทุกคนให้การต้อนรับ พร้อมบอกว่า “เดินเข้ามารู้สึกเหมือนเป็น มท.1 เลย”


นายภูมิธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า มาติดตามการดำเนินนโยบาย 3-4 ประเด็น 1. เรื่องการดำเนินนโยบายเพราะกระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานที่ประสานนโยบายไปถึงประชาชนได้ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยเป็นความหวังที่จะดึงนโยบายไปถึงประชาชน แต่ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นักอย่างที่เราคาดหวัง ไม่ใช่การมาตำหนิเจ้าหน้าที่ของกระทรวง แต่นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลอยากจะดึงกระทรวงมหาดไทยมาอยู่กับรัฐบาล เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยนำนโยบายวันนี้ไปปฏิบัติให้เกิดผลมากที่สุด
2. นโยบายเรื่องยาเสพติด คิดว่าเป็นนโยบายที่ทำได้ ขอให้ลงพื้นที่ไปเอกซเรย์ตามจุดต่างๆ เพราะจากการลงพื้นที่พบว่าประชาชนรู้ทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จึงอยากให้ทั้ง 3 ส่วนเอาจริงเอาจัง และกระทรวงมหาดไทยจะเป็นตัวนำหลักในฐานะเป็นฝ่ายปกครอง จะดูแลลงไปถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงประชาชนข้างล่างโดยตรง หากบอกแล้วยังไม่เลิกก็จะจัดการขั้นเด็ดขาด
3. เรื่องการชุมนุม ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดปัญหา โดยการยึดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญในการดูแลทำความเข้าใจ โดยให้ผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอลงพื้นที่ทำความเข้าใจทั้งหมด ขณะนี้บ้านเมืองกำลังวิกฤติ สงครามเกิดขึ้นทั่วไป มีการปิดอ่าว น้ำมันอาจจะหาย ขาดแคลน หรือราคาปรับสูงขึ้น วิกฤติเศรษฐกิจประเทศก็จะยิ่งหนักหน่วงขึ้นจึงต้องแก้ไขปัญหาให้ดีเรื่องนี้ถือว่าหนัก ส่วนเรื่องปัญหาเพื่อนบ้าน ยืนยันว่าจะใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา เน้นการเจรจาทวิภาคี
นอกจากนี้ ได้ทราบจากแถลงการณ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) เรื่องกัมพูชาเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ แหล่งฟอกเงิน และศูนย์สแกมเมอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วโลก จึงเตรียมจัดตั้งศูนย์กับระดับนานาชาติเพื่อสกัดกั้น กระบวนการหลังจากนี้สิ่งที่เคยทำกับเมียนมาก็จะนำมาใช้ที่นี่ครั้งนี้ด้วย ทั้งตัดไฟและกระบวนการต่างๆ ด้วย จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนทุกอย่าง ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้ดำเนินการไปตามที่เป็น รวมถึงขอให้รอรัฐมนตรีกระทรวงคนใหม่มามอบนโยบาย


ขณะที่คำถามว่ากังวลหรือไม่กับการชุมนุมที่ดาวกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ นายภูมิธรรม ระบุว่า ถ้ายึดตามรัฐธรรมนูญอยู่กับที่กับทางไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็สามารถทำได้ และได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามกฎหมาย ทำความเข้าใจว่าประเทศกำลังลำบาก การทำให้ประเทศเกิดความว่างเปล่า หรือรัฐบาลอ่อนแอจะกลายเป็นเหยื่อของคนอื่น
ในประเด็นคำถาม มองว่าคำแถลงการณ์ของ UN เป็นการเข้าข้างประเทศไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน ไม่ใช่ว่าต่างชาติมาสู้กับกัมพูชา แต่แถลงการณ์ของ UN เป็นเรื่องสแกมเมอร์ของคอลเซ็นเตอร์ที่ส่งผลร้ายต่อคนไทยและคนทั่วโลก จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ร่วมกันของคนหลายประเทศเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ภัยพิบัติอย่างหนึ่งของโลกหมดไป.