“ภูมิธรรม” ขอรอที่ประชุม ศบ.ทก. เคาะยกระดับมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชา ยัน กองทัพ-รัฐบาลมีเสถียรภาพ หลังผู้นำกัมพูชาปูดไปคนละทาง ขอกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าซ้ำเติมสถานการณ์ประเทศ โต้กลับถูกประท้วงปมแจ้งความ “ฮุน เซน” ชี้ ทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ
เวลา 09.50 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังหารือร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บนตึกไทยคู่ฟ้า กว่า 1 ชั่วโมง ว่า ไม่ได้เป็นการหารือเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่เป็นการหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ที่จะมีการประชุมในวันนี้เวลา 13.30 น. เพื่อติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยจะเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือ เนื่องจากพบว่าสแกมเมอร์ที่อยู่ในประเทศเมียนมาลดลง ขณะเดียวกันประเทศกัมพูชาเองก็ถือเป็นแหล่งสแกมเมอร์ที่สำคัญ เราก็จะมีการจัดการเรื่องนี้ด้วย ส่วนจะมีการยกระดับมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นเรื่องของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) หรือทีมไทยแลนด์ ที่จะเป็นผู้พิจารณา
ทางด้านกรณีที่ผู้นำกัมพูชาออกมาให้ความเห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรัฐบาลไทยและกองทัพไทยที่ไปกันคนละทางนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่าเป็นไปในทางเดียวกัน เป็นเอกภาพ และมีการพูดคุยกันอยู่เสมอ พร้อมยกตัวอย่างว่าเมื่อสักครู่ก็มีการหารือกันระหว่าง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และส่วนต่างๆ
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหวในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาก็มีเหตุผล วันนี้ประเทศกำลังจะเดินไปข้างหน้า และสิ่งที่กัมพูชาต้องการมากที่สุดก็คือความอ่อนแอในประเทศ วันนี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะทำ การแสดงความเห็นหรือทัศนะต่อรัฐบาลและท่านนายกรัฐมนตรี ก็มีสิทธิ์ แต่อย่าหวังจะทำอะไรมากเกินเลยไป ประเทศมาถึงวันนี้ อย่างที่ตนพูดบ่อยๆ มันบอบช้ำมามากแล้ว สถานการณ์ขณะนี้มีการรบกันระหว่างประเทศและจะปิดช่องแคบเส้นทางน้ำมันซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงไม่ควรเป็นปัจจัยมาซ้ำเติม ถึงแม้จะได้ยินว่ามีจังหวัดตามแนวชายแดน ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ จะมีการเอาคนเข้ามาเติมตนคิดว่าไม่ควรทำ อยากแสดงความเห็นไม่ต้องเข้ามาก็ได้ แสดงความเห็นที่จังหวัดได้เลย
...
ทางด้านคำถามว่ารัฐบาลมีหลักอย่างไรในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางกระแสการต่อต้านของประชาชน นายภูมิธรรม ย้ำว่ายึดหลักสันติวิธี และอยากเห็นระดับแม่ทัพภาคคุยกัน ซึ่งเท่าที่ทราบในระดับกองทัพไม่มีปัญหา พร้อมจะพูดคุย แต่ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่ผู้นำเราแสดงให้โลกเห็นว่าเราต้องการสันติวิธี สิ่งที่ระมัดระวังที่สุดวันนี้คือประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน กลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเจ็บป่วยที่ต้องพึ่งพาบ้านเรา จึงอยากให้ครอบคลุมการดูแลทั้งสองฝ่าย โดยเราเน้นเรื่องมนุษยธรรม นอกจากนั้นเรายังคงมาตรการบังคับคนและบังคับเวลา และจะมีมาตรการที่เพิ่มมากขึ้นแต่แตกต่างออกไปตามที่แม่ทัพภาคแต่ละส่วนเห็นสถานการณ์ในพื้นที่ แต่มีจุดสำคัญอยู่ไม่กี่จุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระดับไหนก็อยากจะให้นานาชาติได้เห็นว่าเราพยายามยึดแนวสันติวิธี
ส่วนจะชี้แจงต่อสายตาโลกอย่างให้เข้าใจว่าไทยยังยึดหลักสันติวิธี นายภูมิธรรม เผยว่า ขอรอมาตรการที่จะออกมาหลังประชุม ศบ.ทก. ในวันนี้ก่อนก็จะทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับกรณีที่กัมพูชาประกาศไม่นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากไทยนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ตนรับทราบอยู่แล้ว และยิ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้และการถูกปิดล็อกน้ำมันเราไม่มีปัญหา
ในประเด็นที่กัมพูชาทำหนังสือประท้วงจากที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งความ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กรณีการอัดคลิปสนทนา นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งข่าวจริงและข่าวปลอม ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ์ของ นายสมคิด ทางรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงหรือประท้วงถือเป็นกลไกปกติของการต่างประเทศ
เมื่อถามย้ำว่าทางกัมพูชายืนยันว่าการอัดคลิปเสียงเป็นเรื่องปกติที่นานาชาติยอมรับ นายภูมิธรรม ย้อนถามกลับว่า “อ้าว ไหนเห็นแก้ตัวกลับว่าไม่ได้เป็นคนทำเอง” ก่อนระบุต่อไปว่า ขอให้ฟังกันหน่อย จริงๆ ก็เป็นคนออกเฟซบุ๊กมาเอง ท่านก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ท่านทำ ส่วนจะแก้ตัวอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับตน กลไกทางต่างประเทศทำอะไรได้แค่ไหน เหมาะสมหรือไม่ โลกเขารู้ ใครจะไม่รู้แต่โลกรู้ ก็คงไม่มีอะไร โลกเขาก็คงรู้แหละ.