“สว.อังคณา” ลั่น ไม่มีความหวัง “โผ ครม.อิ๊งค์ 2” จี้ลาออก เปิดทางคนดีมีความสามารถเข้ามาทำงาน มอง ทู่ซี้ได้แต่อยู่ไม่ยาว จี้รัฐบาลเร่งเตรียมการรับมือหลังรัฐสภาอิหร่านมีมติปิดช่องแคบฮอร์มุซ กระทบหนักทั้งไทยและทั่วโลก

วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวที่รัฐสภา ถึงกรณีโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ ครม.อิ๊งค์ 2 ว่า ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร และไม่รู้สึกมีความหวัง เพราะดูตามโผที่ออกมานั้น ไม่ได้หวังว่าสถานการณ์ภายในประเทศ หรือสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านจะดีขึ้น ไม่มีอะไรใหม่ และไม่มีคนที่เราเชื่อมั่นว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีคนที่น่าจะสมประโยชน์กันระหว่างพรรคการเมืองมากกว่า อาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่แต่ละพรรคจะส่งมา ตนจึงไม่ได้มีความหวังอะไรกับโผ ครม.ใหม่ชุดนี้

เมื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะกอบกู้วิกฤติ หรือจะเป็นการซ้ำเติมวิกฤติ นางอังคณา มองว่า จากที่ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า ไม่ลาออกและไม่ยุบสภา สิ่งเดียวที่นายกรัฐมนตรีทำได้คือต้องพยุงกันไป แต่จะเกิดปัญหาที่คนดีๆ คนมีความสามารถทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่อยากจะมาร่วมรัฐบาลนี้ด้วย เพราะมองว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ หรือมองอีกแง่หนึ่งว่ารัฐบาลอาจจะประคองจนกระทั่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ผ่าน และอยากให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นความศรัทธาคืนมา โดยเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาร่วมรัฐบาลมากขึ้น เพราะดูโผ ครม.ชุดนี้แล้ว ประชาชนก็คงสิ้นหวังต่อไป

...

ทางด้านคำถามว่าหากรัฐบาลนี้ยืนยันเดินต่อจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน นางอังคณา ระบุ อยู่ที่ว่าจะแก้ปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน ต้องยอมรับว่ารัฐบาลแพทองธาร เผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งเรื่องภาษีทรัมป์ สถานการณ์ในประเทศ ภัยพิบัติ ล่าสุดกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่จากที่ได้รับฟัง นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีไปต่อได้เพราะมีความเข้มแข็ง ซึ่งจะมองแค่ความเข้มแข็งอย่างเดียวไม่พอ หากมีสิ่งนี้อย่างเดียว ก็จะออกไปในแนวทู่ซี้ต่อไป รัฐบาลก็อาจจะอยู่ได้ แต่การอยู่แบบสง่างาม ทำให้ประเทศชาติก้าวเดินต่อไปได้ และที่สำคัญเป็นนายกรัฐมนตรีให้ประชาชนมีความหวัง ในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเศรษฐกิจที่ดี ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายต่อตัวนายกรัฐมนตรีมาก

นอกจากนี้ นางอังคณา ยังให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังรัฐสภาอิหร่านมีมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ว่า กรณีนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักทั้งไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะการที่อิหร่านปิดเส้นทางการขนส่งน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซ แน่นอนว่าประเทศไทย รวมถึงหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียมีความสำคัญ เพราะเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่จากอิหร่านจะได้รับผลกระทบ ตนมองว่าสิ่งที่ตามมา คือทั้งราคาน้ำมันและค่าขนส่งจะแพงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องเตรียมการรับมือในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสถานการณ์ภายในประเทศเอง ก็มีปัญหาอยู่แล้ว