โฆษกไทยสร้างไทย ยันไม่เป็นความจริง ไม่ใช่มติของพรรค ข่าวลือร่วมรัฐบาลแลกตำแหน่งรัฐมนตรี ซัด หากอยากได้เก้าอี้ต้องลาออกจากพรรค ย้ำ ทสท. ยังเป็นฝ่ายค้าน


วันที่ 22 มิถุนายน 2568 นายปริเยส อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ตอบโต้กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคบางส่วนจะเข้าร่วมรัฐบาล และมีรายชื่อบางรายจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ใช่มติของพรรคแต่อย่างใด พรรคไทยสร้างไทย ยังคงยืนหยัดในจุดยืนทางการเมืองเดิม คือเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างชัดเจน ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่บริหารประเทศด้วยแนวทางที่สวนทางกับอุดมการณ์ของพรรค หากมีสมาชิกคนใดต้องการเข้าร่วมรัฐบาลหรืออยากรับตำแหน่งรัฐมนตรี ขอให้แสดงความชัดเจนและลาออกจากพรรคก่อน เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับพรรค และจริยธรรมทางการเมือง

โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ระบุต่อไปว่า พรรคไม่สนับสนุนการใช้เทคนิคทางการเมือง เทคนิคการเจรจา หรือเทคนิคการหาเสียง เช่น การส่งนอมินีไปรับตำแหน่งแทน เพราะเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดข้อบังคับของพรรค และอาจสร้างความเสียหายทางภาพลักษณ์อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ พรรคจะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับอย่างเคร่งครัดกับผู้ฝ่าฝืน

“แม้พรรคจะเพิ่งจัดตั้งได้ไม่นาน และยังไม่มีเวลาบ่มเพาะอุดมการณ์กับสมาชิกอย่างลึกซึ้ง แต่พรรคยึดมั่นในแนวทางการเมืองสุจริต และจะถือโอกาสนี้ปฏิรูปภายใน เพื่อเฟ้นหาคนดี มีความสามารถ และมีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างแท้จริง”

โฆษกพรรคยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการเมืองสุจริตของพรรคได้รับความสนใจจากนักการเมืองรุ่นใหม่ อดีต สส. และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ที่ต้องการเข้าร่วมขับเคลื่อนพรรค แต่ด้วยมารยาททางการเมือง พรรคยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อบุคคลเหล่านั้นในขณะนี้

...

พร้อมกันนี้ พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันยุติวงจรการเมืองทุจริตที่นำไปสู่การซื้อเสียง การตั้งรัฐบาลด้วยเสียงที่ไม่โปร่งใส และการคอร์รัปชันในระบบรัฐมนตรี พร้อมเชิญชวนสนับสนุนนโยบายการเมืองสุจริตของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างยั่งยืน

นายปริเยส ระบุในตอนท้ายว่า ในช่วงที่รัฐบาลมีความเคลื่อนไหวเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีข่าวลือเกี่ยวกับสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง พรรคจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องสื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลกับทีมโฆษกพรรคโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนและให้การรายงานข่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริงและจุดยืนของพรรคอย่างถูกต้องครบถ้วน.