นายกฯ อุ้มลูก พร้อมควงสามี เข้าทำเนียบฯ หลังไหว้ศาลหลักเมือง วันคล้ายวันเกิด “ปิฎก” ก่อนประชุมติดตามสถานการณ์ไทย - กัมพูชา กับผู้ว่าฯ 7 จังหวัด บอกแม้เปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง มท. แต่อยากให้ทำงานยึดเป้าหมายประชาชน-ประเทศเป็นหลัก ขณะที่ช่วงบ่ายเตรียมบินเคลียร์ใจแม่ทัพภาคที่ 2
วันที่ 20 มิ.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 08.24 น. มาพร้อมกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และได้อุ้มเด็กชายพฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ หรือน้องธาษิณ ลูกชาย เข้ามาด้วย
จากนั้นนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 07:30 น. ได้เดินทางไปไหว้ศาลหลักเมือง ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อช่วงเช้าไปทำบุญมาใช่หรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ใช่ค่ะ วันเกิดคุณปอ”
...
นายกฯ บอกแม้เปลี่ยนผู้บริหาร มท.แต่ให้ยึด ปชช. เป็นหลัก
จากนั้นเวลา 09.00 น. นางสาวแพทองธาร เป็นประธานการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด จันทบุรี สระแก้ว โดยมี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมการประชุม
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวกับที่ประชุม ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ว่า เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่อยากให้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่ออย่างเข้มแข็ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านที่อาสามาอยู่ตรงนี้ได้ดูแลประชาชนมาระยะต่างกัน ตนคิดว่าเมื่อเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักก็จะสร้างเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรต่อ ในเรื่องสถานการณ์ชายแดน
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดและมีการพูดคุยถึงเรื่องหลุมหลบภัย และบังเกอร์ โดยมีการสั่งการให้ทำเพิ่มเติม ซึ่งตนอยากเน้นย้ำว่า พวกบังเกอร์ที่มีขอให้ช่วยดูเรื่องของคุณภาพให้ดี เนื่องจากไม่แน่ใจว่า บังเกอร์ที่ชาวบ้านทำเอง จะสามารถป้องกันได้มากน้อยเพียงใด และบังเกอร์ที่สร้างอย่างรวดเร็ว ก็ไม่แน่ใจว่าสามารถป้องกันอะไรได้บ้าง จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยดู
นอกจากนี้ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในเรื่องยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ยังไม่เพียงพอ หรือมีอะไรที่ยังไม่ค่อยทันสมัย จึงไม่อยากให้ประชาชนต้องเป็นห่วง และขอให้ทางกองทัพช่วยกันดู ว่าของเรานั้นมีความพร้อมอยู่เสมอ แน่นอนว่าต้องการเลี่ยงการปะทะอย่างแน่นอน แต่หากเกิดสุดวิสัย ก็ต้องรักษาชีวิตของทหารชายแดนนับหมื่นคน และรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญและที่ตนเคยบอกไปก่อนหน้านี้มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว มหาดไทยเองก็ต้องดูแลคนในบ้านให้ปลอดภัย ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
ส่วนในพื้นที่ 7 จังหวัดก็มีผู้ว่าราชการจังหวัดนายอำเภอ นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ขอให้ดูแลประชาชน ในการปฏิบัติพื้นที่ส่วนหลัง ตอนนี้รัฐบาลกำลังพูดคุย ไม่ให้เกิดการปะทะไม่เกิดความรุนแรง แต่ขอให้มีการเตรียมความพร้อมทุกอย่าง หากเกิดเหตุการณ์มีการปะทะ โรงพยาบาลและทุกอย่างต้องมีความพร้อม บุคลากรต้องพร้อม พร้อม ควบคู่ไปกับเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ แม้ว่าจะสามารถปราบไปได้เยอะมากๆในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับเสียงสะท้อนจาก สส.ว่าเราจับล็อตใหญ่ๆไปได้ แต่ยังมีล็อตที่เข้ามาแล้วในหมู่บ้านชุมชน ที่เป็นล็อตเล็กๆแต่มีการกระจายถึงชาวบ้านอยู่ นี่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตา และดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ที่นำข้อมูลเรื่องยาเสพติดมาให้ ไม่อยากให้ต้องรู้สึกกลัวและไม่บอกข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งจากที่ได้คุยกับ สส.และภาคต่างๆ ชาวบ้านจะไม่ค่อยกล้าบอก ทางผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ใหญ่บ้านซึ่ง สส.ก็ได้รับรู้มาบ้าง จึงอยากขอให้สร้างความมั่นใจว่า เขาสามารถให้ข้อมูลได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่เกิดขึ้นในชุมชน พร้อมกับสร้างความมั่นใจในเรื่องของข่าวปลอม โดยอยากให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากเพจหลัก
โดยในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเชื่อมั่นและทราบฝีมือ และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะสามารถทำประโยชน์และทำงานอย่างต่อเนื่อง ขอให้ช่วยกันทำงานให้เข้มแข็งที่สุด และสัญญาว่ารัฐบาลไม่ทิ้งกระทรวงไหน และมั่นใจว่าทุกกระทรวงจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ขอให้ยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ
ขณะที่วันนี้เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปยังจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อพบปะกำลังพลกองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ณ ฐานปฏิบัติการมรกต ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี คาดว่า อาจจะไปเป็นการเคลียร์ใจกับพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หลังมีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา ซึ่งเป็นการสนทนาในเชิงตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการในเวลา 13.20 น. พบปะกำลังพลกองกำลังสุรนารี และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ณ ฐานปฏิบัติการมรกต ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
จากนั้นจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในช่วงเวลา 16.00 น.