บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท คาดกระตุ้นจีดีพี 0.4% ส่งผลให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านคน นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานลงทุนอย่างโปร่งใส
นายพิชัย ชุณหชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินทั้งหมด 157,000 ล้านบาท
จากนั้นเตรียมนำโครงการทั้งหมดเสนอ ครม. ในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ เพื่อทำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านหลายโครงการ เพื่อศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งระยะสั้น ระยะยาว ทุกหน่วยงานต้องเร่งทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ทำงบผูกพันให้เสร็จภายใน ก.ย. 2568 จากนั้น เริ่มใช้งบประมาณได้ต้นเดือน ต.ค.นี้ และใช้ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย. 2569

"นายกรัฐมนตรี กำชับในที่ประชุมให้เจ้าของโครงการ ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เจ้ากระทรวงกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด หากใช้เงินไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ให้ระงับโครงการ พร้อมตั้งอนุกรรมการติดตาม ประเมินผลการลงทุน เพื่อให้ทุกหน่วยงานลงทุนอย่างโปร่งใส สำหรับโครงการลงทุนที่อนุมัติ ได้คัดเลือกจากหลายหน่วยงาน ซึ่งได้ศึกษาจัดทำโครงการมานานแล้ว และพร้อมลงทุนทันที เงินลงทุนที่ใช้ต้องกระจายไปทุกอำเภอ และเน้นพัฒนาในจังหวัดที่มีรายได้ต่ำ ส่วนกรุงเทพฯ ปริมณฑล จะได้รับงบสัดส่วนน้อย"
...

นายพิชัย กล่าวว่า โครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ คาดเกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านคน คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ 0.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งรัฐบาลสานต่อโครงการผ่านงบปี 2569-2571 เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศในทุกด้าน ส่วนกรอบเงินที่เหลืออยู่ 40,000 ล้านบาท จะพิจารณาเพิ่มเติมภายหลัง ซึ่งมีงบประมาณที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอเข้ามากว่า 60,000 ล้านบาท มองว่าบางโครงการไม่ได้เสนอจากเจ้ากระทรวง และมีความซ้ำซ้อนจึงได้จัดออกไปก่อน และจะไปดูว่ามีเรื่องใดตกหล่น จะเลือกโครงการที่คุ้มค่าจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้วงเงิน 115,375 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 85,000 ล้านบาท คิดเป็น 73.7% เป็นด้านพัฒนาระบบน้ำ 39,136 ล้านบาท คิดเป็น 33.9% แบ่งเป็นด้านคมนาคม 45,864 ล้านบาท หรือ 39.8%
2. ด้านการท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท คิดเป็น 8.7%
3. ด้านส่งออกและผลิตภาพ 11,122 ล้านบาท คิดเป็น 9.6% แบ่งเป็นด้านเกษตร 160 ล้านบาท คิดเป็น 0.1% ด้านแรงงาน 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% ด้านดิจิทัล 962 ล้านบาท คิดเป็น 0.8%
4. ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9,201 ล้านบาท คิดเป็น 8% แบ่งเป็นกองทุนหมู่บ้าน 4,000 ล้านบาท หรือ 3.5% การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 1,560 ล้านบาท หรือ 1.3% และทุนมนุษย์ด้านการศึกษา 3,641 ล้านบาท คิดเป็น 3.2%