“หัวหน้าอิ๊งค์” เข้าประชุมพรรคเพื่อไทย บอกพยายามเคลียร์เรื่องใหญ่ให้ดีที่สุดทุกเรื่อง ติดตามตลอดสถานการณ์ชายแดน สส. ยกปัญหายาเสพติดเดินหน้ายาก จำเป็นต้องคุมมหาดไทย
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม สส. พรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ โดยมี นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเป็นประธานการประชุม โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมถึงรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
น.ส.แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่งว่า หลายสัปดาห์ไม่ได้เข้ามาประชุม มีหลายเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนประเด็นใหญ่เรื่องติดกัน ซึ่งเห็นตามหน้าสื่ออยู่แล้ว คิดว่าก็น่าจะพยายามเคลียร์ให้ได้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง จะพยายามพูดคุยประสานกันให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณ สส. ที่ร่วมลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระหนึ่ง (ขั้นรับหลักการ) ไปได้ด้วยดี และในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเรื่องอ้อยน้ำตาลทราย เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยก็น่าจะมีความสุข ส่วนสินค้าเกษตร ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ตนอยากให้พัฒนาเรื่องนี้ให้มากขึ้น สินค้าเกษตรเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สส. ทุกคนทราบอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ทิ้ง เมื่อเกิดปัญหาก็อยากรีบแก้ และที่ทำการพรรคเพื่อไทยมีคลินิกมาแล้ว เพื่อรับฟังปัญหา และหาแนวทางการแก้ไข ตนขอขอบคุณรัฐมนตรีทุกๆ กระทรวง ที่นำเจ้าหน้าที่มารับฟังปัญหาจาก สส.
...
ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร กล่าวชี้แจงที่ประชุมถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องประเด็นระหว่างประเทศที่จับตามองอยู่ตลอด ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์) เป็นหัวหน้าทีมไทยแลนด์คอยมอนิเตอร์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเมื่อวาน (16 มิถุนายน 2568) ก็มีการแถลงขึ้นมา เลยได้คุยขึ้นมากขึ้นพอสมควร แต่บางทีมีข้อความการสื่อสารออกมาที่ไม่คาดคิด ไม่เหมือนที่พูดคุยออกมา ก็พยายามแก้ไขกันอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งได้มี สส.อีสาน สะท้อนถึงปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาดหนักในพื้นที่ จำเป็นที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมาดูแลกระทรวงมหาดไทยเอง เนื่องจากการทำงานแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครองเท่าที่ควร หากได้ดูแลกระทรวงมหาดไทยจะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม ภายในช่วงระยะเวลาที่รัฐบาลยังเหลืออยู่ โดยนายกรัฐมนตรีและแกนนำของพรรคเพื่อไทยก็รับฟังปัญหาและเสียงสะท้อน แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
