เปิด 8 พื้นที่หลักย่านจตุจักร ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร ไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน F1 ปี 2571-2575 เคาะจัดงานปีละ 3 วัน ตรงกับศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ใต้กรอบวงเงิน 41,779.67 ล้าน เผย ประมาณการรายได้ขาดทุนเกือบครึ่งของการลงทุน ส่อเกิดภาระทางการคลัง
วันที่ 17 มิถุนายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลกรายการ FIA FORMULA ONE WORLD CHAMPIONSHIP หรือการแข่งขัน F1 ในประเทศไทย ประจำปี 2571-2575 รวม 5 ปี ภายในกรอบวงเงิน 41,339.67 ล้านบาท โดยรวมถึงงบประมาณที่จำเป็นเร่งด่วนในส่วนของค่าออกแบบ 218.07 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะขอรับจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และจะมีการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐแต่หากไม่เพียงพอสามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่หากได้รับสนับสนุนจากภาคเอกชนและมีเงินคงเหลือให้นำส่งและคืนเงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันจะช่วยสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมทั้งส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเป็นศูนย์กลางในการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก และ World Class Event Hub ตลอดจนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมการท่องเที่ยวและเสริมสร้างประสบการณ์ของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกีฬายานยนต์
“โดยระยะเวลาการแข่งขันจะใช้เวลา 3 วันต่อปี ตรงกับวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ของเดือนมีนาคม หรือเดือนกันยายน ของปี 2571-2575”
...
8 พื้นที่หลักสนามแข่ง F1 ย่านจตุจักร
สำหรับพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดการแข่งขันคือบริเวณจตุจักรประกอบด้วย 8 พื้นที่หลัก เนื่องจากมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และมีพื้นที่สำหรับแฟนกีฬาไม่ได้เป็นญาติที่พักอาศัยหลักทำให้มีผลกระทบต่อชุมชนและการจราจรน้อย ได้แก่
- สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีขนาดพื้นที่ 838 ไร่
- สถานีขนส่งหมอชิต 2 มีขนาดพื้นที่ 109 ไร่
- ตลาดนัดสวนจตุจักร 241 ไร่
- สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 207 ไร่
- สวนจตุจักร 163 ไร่
- สวนวชิรเบญจทัศน์ (สวนรถไฟ) 418 ไร่
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 45 ไร่
- การรถไฟแห่งประเทศไทย 146 ไร่
โดยจะมีพื้นที่ Grandstand เป็นที่นั่งบนอัฒจันทร์ที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชมทั่วไปชมการแข่งขันกระจายตามจุดต่างๆ จำนวน 93,500 ที่นั่ง และพื้นที่ Paddock Club เป็นพื้นที่ VIP ตั้งอยู่บน Pit Lane 4,000 ที่นั่ง และพื้นที่ VIP Hospitality เป็นพื้นที่โซนวีไอพีโดยเป็นที่นั่งบนอัฒจันทร์ Grandstand ในตำแหน่งพิเศษ
“เส้นทางสนามที่เสนอให้มีการแข่งขันมีระยะทาง 5.732 กิโลเมตร โดยมีจำนวนโค้งทั้งหมด 18 จุด และช่องทางตรงที่ยาวที่สุดถึง 1.2 กิโลเมตร อัฒจันทร์ที่กระจายตัวตามจุดต่างๆ รอบสนามรองรับผู้ชมได้สูงสุดถึง 108,200 คน”
ประมาณการรายได้จากการเป็นเจ้าภาพ 2.7 หมื่นล้าน
ขณะที่ผลการศึกษาได้ประมาณการรายได้จากการเป็นเจ้าภาพทั้งจากการจำหน่ายตั๋วจากผู้สนับสนุนจากการขายของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม รายได้จากการจัดคอนเสิร์ต จากค่าเช่าพื้นที่ และค่าคอมมิชชั่นจากโรงแรมที่พัก รวม 5 ปี อยู่ที่ 27,276.77 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับผลคาดการณ์จำนวนผู้ร่วมงานฟอร์มูล่าวันในประเทศไทยในกรณีมีการจัดงานในปี 2571 พิจารณาสัดส่วนจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศและท่องเที่ยวต่างประเทศของ 21 ประเทศเจ้าภาพ พบว่ามีความเป็นไปได้ในระดับสูงที่จะมีผู้เข้าร่วมงานในไทยที่ค่าเฉลี่ยจำนวน 407,132 คน โดยมีผู้เข้าร่วมงานต่ำสุดอยู่ที่ 81,918 คน และสูงสุดอยู่ที่ 598,983 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้เข้าร่วมงานในประเทศ 314,509 คน และเป็นผู้ร่วมงานจากต่างประเทศ 92,622 คน
ด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2571-2575 ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ทำให้เงินสะพัดทางเศรษฐกิจระหว่างการจัดการแข่งขันอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาทต่อปี ช่วยสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีของภาครัฐ 1,400 ล้านบาทต่อปี เกิดการลงทุนใหม่ประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี และสร้างงานใหม่ให้ประเทศไทย 8,000 ตำแหน่งต่อปี
การขาดทุนอาจกระทบสถานะการเงินของประเทศในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะแสดงความเห็นถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน Formula 1 ในไทยภายในกรอบวงเงิน 41,779.67 ล้านบาท เป็นวงเงินที่ค่อนข้างสูงและอาจส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของประเทศในอนาคตได้ โดยเฉพาะในบริบทที่ภาครัฐมีงบประมาณจำกัด และมีภาระทางการคลังจากภารกิจจำเป็นอื่นๆ ที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไปแม้ผลการศึกษาความเหมาะสมจะแสดงให้เห็นว่าการลงทุนโดยภาครัฐทั้งหมดจะมีข้อดีบางประการ แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญโดยเฉพาะความเสี่ยงด้านการขาดทุนที่ตกอยู่กับภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว หากการเป็นเจ้าภาพดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย อาจก่อให้เกิดภาระทางการคลังอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ผลการศึกษาเห็นว่าไม่สามารถสร้างรายได้จากการจัดงานรวมมากกว่างบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดงานและการลงทุน จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ครบถ้วนและครอบคลุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดภาระงบประมาณภาครัฐ.