“ศิริกัญญา ตันสกุล” เรียกร้องรัฐบาลรีบจบปมแย่งเก้าอี้ มท.1 ซัดทำแต่เรื่องส่วนตัว ลั่นปรับแล้วแก้ปากท้องดีขึ้นหรือไม่ แนะเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยค้าด่านชายแดน ชี้สายป่านไทยยาวกว่า ใช้จุดแข็งแก้ท่าทีผู้นำเขมรอ่อนลง
วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า เราเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นสาระมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนตัวอยากให้สังคมก้าวข้ามเรื่องการปรับ ครม. แล้วมาโฟกัสเรื่องที่ใหญ่กว่าอีกหลายเรื่องที่กำลังรุมเร้าอยู่ ไม่ใช่แค่ปัญหาความขัดแย้งภายในรัฐบาลซึ่งเล็กกว่าปัญหาการเมืองอื่นด้วยซ้ำไป ยิ่งเราให้ความสนใจก็จะยิ่งมีกระแสปั่นว่า ขอคืนได้ ขอคืนไม่ได้ คนนั้นเป็นฝ่ายค้าน คนนี้เป็นรัฐบาล จึงขอเรียกร้องรัฐบาลว่า ให้จบเรื่องนี้สักที เพราะมีอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลตัดสินใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น บริษัทท่าอากาศยานไทย ปัญหาเศรษฐกิจที่จะตามมาหลังจากมีการปะทะกันของฝ่ายไทย-กัมพูชา ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อปรับ ครม.ไปแล้ว ปากท้องของประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ช่วงนี้ถูกที่ถูกเวลาหรือไม่ กับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การปรับ ครม.แล้วไปวุ่นวายกับกระทรวงมหาดไทยในขณะนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอย่างแท้จริง ถ้ามองดูว่าจะเอากระทรวงไหนมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ คงไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยแน่ๆ ดังนั้น เป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนของพรรคการเมืองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่ครองอยู่ไม่ยอมปล่อย หรือฝั่งที่อยากได้ มันไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ ส่วนสุดท้ายพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจะไปต่อกันครบเทอมหรือไม่นั้น ตนก็สุดจะเดา เพราะคงลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก และไม่รู้ว่าลึกๆ เขาคุยอะไรกันอย่างไร แต่ก็ภาวนาให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ เพื่อคืนสมาธิให้กับรัฐบาลมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนดีกว่า
...
แนะรัฐบาลเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยค้าด่านชายแดน
น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า หลังจากฝั่งไทยปรับเวลาของการเปิด-ปิดด่านต่างๆ ทางฝั่งกัมพูชามีการขู่ว่าจะปิดด่านทั้งหมด หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง ก็อย่าเพิ่งหวั่นไหว เพราะฝั่งไทยเรามีสรรพกำลังและมีเม็ดเงินสายป่านที่ยาวกว่า เพียงแค่รัฐบาลต้องแสดงเจตจำนงต่อผู้ประกอบการทางฝั่งไทยว่ายินดีที่จะบรรเทาและเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปิดด่าน หากเราทำเช่นนี้ เสียงต่อต้านในพื้นที่อาจจะน้อยลง หรือต้องใช้กลไกอื่นช่วยเหลือ อาทิ เรื่องของแรงงานข้ามชาติขาดแคลน อาจมีการผ่อนปรนเอ็มโอยูชั่วคราว เราสามารถหาทางออกอื่นได้ ส่วนเรื่องเม็ดเงิน หากพูดถึงเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.75 แสนล้านบาท ก็เหมือนจะหมดแล้ว เพราะเหมือนมีคนจับจองไปหมดแล้ว แต่ในส่วนของงบกลางยังเหลืออยู่ 6 หมื่นล้านบาท โดยตัวเลขล่าสุดสำนักงบประมาณยังไม่ได้ส่งมา แต่เราก็เห็นอยู่ว่า มีการใช้จ่ายหรือเบิกจ่ายยังไม่เต็มจำนวนที่สภาอนุมัติเกือบแสนล้านบาท ทั้งนี้ เรามีเม็ดเงินมากเพียงพอ โดยเราต้องโชว์เจตจำนงจริงๆ ไม่เช่นนั้นความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ใกล้ด่านที่อาจจะเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ แต่เราสามารถรับมือได้ ถ้าเตรียมความพร้อมให้มากพอ
เมื่อถามว่า กรณีสมเด็จฮุนเซนเปลี่ยนท่าทีจากการปิดด่านไม่นำเข้าสินค้าไทยเลยมาเป็นแค่ไม่รับสินค้าพืชผลการเกษตร ผัก-ผลไม้ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเกิดเสียงต่อต้านมากน้อยแค่ไหน แต่ตนคิดว่าเป็นชาวกัมพูชาเองที่จะกังวลกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หากมีการปิดด่านถาวรทั้งหมด หรือไม่รับสินค้าไทยทั้งหมด เสียงจากประชาชนจะส่งผ่านจนทำให้ท่าทีอ่อนลงเองตามอัตโนมัติ หากกระทบกับปากท้องของประชาชนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทยหรือกัมพูชา เมื่อถามว่า จุดแข็งใดที่จะนำไปต่อรองกับกัมพูชาโดยที่ไม่ต้องเกิดสงคราม น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องการค้าชายแดนและการแชร์สาธารณูปโภคต่างๆ อินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจที่น่าจะมีน้ำหนักจะทำให้การเจรจาพูดคุยและท่าทีของกัมพูชาอ่อนลงได้ โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร