ไทยและกัมพูชา ประชุม JBC เป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวานสะดุดลงในช่วงบ่าย เตรียมลงนามผลประชุมวันนี้ ด้าน “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา โพสต์ส่งหนังสือถึงศาลโลก ช่วยหาทางออกปัญหาพื้นที่ชายแดน
วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 โดยช่วงเช้าเป็นการหารือกันวงเล็ก ก่อนลงนามผลประชุม หลังจากที่เมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน 2568) การประชุมสะดุดลงในช่วงบ่าย เพราะกัมพูชาไม่พอใจที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยแถลงฝ่ายเดียวในระหว่างที่ยังมีการประชุมอยู่ เสมือนว่าได้ข้อสรุปด้วยกันแล้ว และแถลงไม่ตรงกับที่ประชุม
โดยเมื่อวานนี้เกิดภาพคณะ JBC ฝ่ายไทยที่นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เดินออกจากห้องประชุม หลังจากเข้าประชุมในช่วงบ่ายได้เพียงครึ่งชั่วโมง
ส่วนคณะ JBC ของฝ่ายกัมพูชา ที่นำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการชายแดนของกัมพูชา ในฐานะประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา เดินตามออกมาในภายหลัง พร้อมกับตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า การแถลงของกระทรวงต่างประเทศไทยไม่ได้ส่งผลต่อการประชุม ส่วนการประชุมก็เป็นไปด้วยดี
ขณะที่ก่อนการประชุมวันนี้ นายฬำ เจีย เดินทางมาถึงและเข้าไปในโรงแรมที่ประชุมทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพียงแต่ตอบคำถามสื่อกัมพูชาสั้นๆ ว่า วันนี้จะมีการลงนามผลการประชุมกัน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะมีการลงนามอะไรบ้าง
...
ทางด้าน สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา มีความเคลื่อนไหวโพสต์เฟซบุ๊กตั้งแต่ช่วงเช้า ในตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ส่งหนังสือทางการไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก เพื่อช่วยหาทางออกปัญหาชายแดน 4 จุดคือ ปราสาทตาเหมือนธม ปราสาทตาเหมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต พร้อมระบุว่า เมื่อ 63 ปีที่แล้ว วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1962 เป็นวันประวัติศาสตร์ ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหาร
ทั้งนี้ กัมพูชาต้องการความยุติธรรมที่ชัดเจนเท่านั้น ที่จะกำหนดแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ประสบปัญหาด้วยกันไม่สิ้นสุด และขอให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนเชื่อมั่นรัฐบาลในการทำงานนี้ด้วยความตั้งใจและความรับผิดชอบอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องความมั่นคงของแผ่นดิน และประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนชาวกัมพูชา