“คารม” เผย ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 - 18 เม.ย. 68 รัฐบาลปราบแรงงานต่างชาติลักลอบเข้ามาทำงานในไทยแล้วกว่า 2.5 พันคน อาชีพที่เข้ามาแย่งงานมากที่สุด คือ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม

วันที่ 14 มิถุนายน 2568 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้เผชิญสถานการณ์แรงงานต่างชาติลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการแย่งงานของคนไทย เช่น แรงงานในตลาดนัด ตลาดสด ลูกจ้างร้านทำเล็บ อู่ซ่อมรถ แผงค้าขาย รถเข็น และแอบค้าขายออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพแรงงานไทยในประเทศ รวมทั้งป้องกันปัญหาจากการจ้างงานผิดกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในสังคมระยะยาว รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสนธิกำลังปราบปรามแรงงานต่างชาติลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

นายคารม กล่าวว่า ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 67 – 18 เม.ย. 68) มีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างชาติทั่วประเทศแล้ว จำนวน 38,734 แห่ง ดำเนินคดี 1,329 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติ จำนวน 523,706 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 398,493 คน กัมพูชา 70,371 คน ลาว 32,983 คน เวียดนาม 522 คน จีน 9,189 คน และสัญชาติอื่น ๆ 12,148 คน มีการดำเนินคดีกับแรงงานต่างชาติทั้งสิ้น 2,575 คน ในจำนวนนี้ พบเป็นการแย่งอาชีพคนไทยถึง 883 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 481 คน กัมพูชา 139 คน ลาว 109 คน อินเดีย 24 คน เวียดนาม 54 คน จีน 21 คน และสัญชาติอื่น ๆ 55 คน

โดยอาชีพที่พบคนต่างชาติแย่งอาชีพมากที่สุด ได้แก่ งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด ตามลำดับ ส่วนงานที่คนต่างชาติถูกดำเนินคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้แก่ งานขายของหน้าร้าน งานช่างก่อสร้าง และงานกรรมกร ตามลำดับ

...

ปัญหาแรงงานต่างชาติถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่รัฐบาลมุ่งแก้ไขและบังคับใช้กฎหมายเชิงรุกอย่างเข้มงวดและชัดเจนในการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง