รมว.ต่างประเทศ เผย ถกเตรียมพร้อมฝ่ายไทยก่อนร่วมวงประชุม JBC ย้ำ 3 ข้อ เน้นใช้กลไกทวิภาคี ไทยไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด ลั่น ไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 พร้อมให้ฝ่ายทหารดำเนินมาตรการทางการทูตสอดรับกัน
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า วันนี้มีการประชุมเตรียมการของฝ่ายไทยสำหรับการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) โดยก่อนที่จะมีการประชุมฯ ได้เชิญนายประศาสตร์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการฯ ฝ่ายไทยมามอบนโยบายในการเจรจา โดยย้ำหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ 1. ฝ่ายไทยได้ดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้น ขอให้ที่ประชุม JBC ขยายผลเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติและให้พื้นที่ชายแดนมีความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ JBC GBC และ RBC เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ไขปัญหา 2. การเจรจาจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของเส้นเขตแดน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจที่ชัดเจนร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และ 3. ซึ่งมีความสำคัญที่สุดคือ ฝ่ายไทยจะต้องยืนหยัดที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย และไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนโดยเด็ดขาด
นายมาริษ กล่าวว่าสหประชาชาติมีหลายกลไกที่ใช้แก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ แต่มักจะขอให้ใช้กลไกทวิภาคี เนื่องจากเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากที่สุด โดยไทยยืนยันที่จะใช้กลไกทวิภาคีและมาตรการทางการทูตในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของสากล พร้อมขอยืนยันว่า ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 ดังนั้น เราจะแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี ซึ่งนับตั้งแต่เหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณช่องบก จ. อุบลราชธานี นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศบูรณาการการทำงานกับกระทรวงกลาโหมในการหารือกับฝ่ายกัมพูชาทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายทหารกับมาตรการทางการทูตสอดรับกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยขอให้มั่นใจถึงศักยภาพของกองทัพไทยในการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่อย่างดีที่สุด
...
สำหรับเป้าหมายของการประชุม JBC ครั้งนี้ คือ เพื่อต่อยอดและขยายผลให้พื้นที่ที่ยังไม่กำหนดเขตแดนชัดเจนเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินกิจกรรมร่วมกันได้
