“ศิริกัญญา” เผย 4 หน่วยงานหลัก กังวลเศรษฐกิจไทยปี 68-69 ตกต่ำ ชี้ รอดูคดี ป.ป.ช. รับเรื่อง กมธ.งบประมาณ 68 ปมโยกไปใช้ดิจิทัลวอลเล็ต บอก หากรวมไทยสร้างชาติต้องเป็นฝ่ายค้าน ยินดีต้อนรับเสมอ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 มิถุนายน 2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า วันนี้เป็นนัดแรกที่จะมี 4 หน่วยงานหลักเข้ามาชี้แจง คือ กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ ซึ่งทุกหน่วยงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจทั้งปีนี้และปีหน้าจะตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล แต่ละหน่วยงานคาดการณ์ให้ตัวเลขจีดีพีอยู่ระหว่าง 1.8-2% ส่วนปี 2569 จะตกต่ำลงไปอีกอยู่ที่ 1.6% ที่น่ากังวล อย่างการประมาณการรายได้เข้ารัฐจะหายไป 60,000 ล้านบาท
น.ส.ศิริกัญญา ระบุต่อไปว่า หากไม่สามารถหารายได้จากที่อื่นมาได้ ก็หมายความว่ารายจ่ายปี 2569 จะใช้ได้ไม่เต็มที่ตามที่ได้ตั้งไว้ 3.78 ล้านล้านบาท จะกู้เพิ่มก็ได้ไม่มาก เพราะรัฐบาลตั้งขาดดุลจนเกือบเต็มเพดานอยู่แล้ว ซึ่งจะกู้เพิ่มได้อีกแค่ 1.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ด้วยความที่จีดีพีโตตกต่ำ จะทำให้ไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์เร็วขึ้น ส่วนในปี 2570 อย่างไรก็ต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปอย่างแน่นอน ไม่แน่ใจว่าจะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลไหนได้ใช้ หากมีการยุบสภาเร็วกว่านี้ ก็อาจไม่ใช่รัฐบาลนี้ที่จะรับภาระหนี้สาธารณะเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี
...
เมื่อถามถึงการตั้งเป้าตัดงบ 50,000 ล้านบาทของฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า กมธ.ในสัดส่วนของฝ่ายค้าน ยังคิดว่าเป็นปัญหา ตามที่ได้เล่าไปว่า เมื่อรายได้เก็บไม่เข้าเป้า รายจ่ายก็ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เหมือนกัน แต่หากรอถึงวันนั้น วันที่ได้รายได้ไม่ครบจริงๆ ก็ไม่ทราบว่าโครงการไหนจะต้องเป็นโครงการที่โดนตัดลดไป ฉะนั้นควรตัดสินใจตั้งแต่วันนี้
ขณะเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญา ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ยื่นคำร้องและหลักฐานให้ตรวจสอบกรณีการตัดงบชำระหนี้ให้ธนาคารรัฐในปีงบประมาณ 2568 หรือหนี้ มาตรา 28 วงเงิน 35,000 ล้านบาท โดยโยกไปใส่ไว้ในงบกลางเพื่ออาจจะนำไปใช้ในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 มองเป็นการเมืองหรือนิติสงครามหรือไม่ ว่า น่าจะเป็น กมธ.งบประมาณปี 2568 ที่มีการอนุมัติลดงบในการจ่ายหนี้คืนธนาคารรัฐ และแปรเปลี่ยนงบฯ เพื่อไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตปี 2568 ในชั้น กมธ. และวาระสอง ตนมองว่าหากมองตามกฎหมายข้อนี้ ไม่เข้าข่ายมาตรา 144 ซึ่งยังไม่ทราบว่าผลจะออกมาเช่นไร หาก ป.ป.ช. สอบออกมาแล้วบอกว่าผิด ตนมองว่าเริ่มเป็นนิติสงคราม อย่างไรก็ตามต้องรอผลสอบของ ป.ป.ช. หากจะถามว่ากรณีนี้ควรทำหรือไม่ ก็ไม่ควรทำ
ส่วนกรณีการเมืองภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ จะสะเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา มองว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็สะท้อนได้ดีถึงเสถียรภาพภายในของพรรค หากบางส่วนจะร่วมรัฐบาลต่อ หรือบางส่วนต้องออกมาร่วมฝ่ายค้านกับเรา เราก็ต้อนรับเสมอ เพราะการเป็นฝ่ายค้านเราเลือกไม่ได้อยู่แล้วว่าใครจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ใครที่มีคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว ก็ไม่ควรที่จะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี.