“สุชาติ” แฉ “เอกนัฏ” โทรศัพท์หวังขอเสียงโหวตล้ม “พีระพันธุ์” จ่อขึ้นหัวหน้าพรรคเอง ลั่น ใครเซ็นชื่อหรือไม่รู้อยู่แก่ใจ หลัง “วิชัย” ปฏิเสธ ปูดมีทีมตามเก็บหลังชุดสุดซอย เชื่อ เรื่องทั้งหมดจะเปิดเผยเอง
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ในช่วงหนึ่งถึงกรณีไม่รับสาย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (อ่านเพิ่มเติม : “เอกนัฏ” อัด “สุชาติ” กำลังด่าตัวเอง ปมเอกสารขอปรับ ครม. ระบุรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ) ว่า มีการโทรศัพท์มาจริง แต่เหตุการณ์ไปไกลแล้ว แล้วยังสามารถคุยกับคนแบบนี้ได้หรือไม่ เพราะตนไม่ไว้ใจใคร ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าจากกันด้วยดี ไม่มีอะไร อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ปล่อยเราออกมา อย่าลืมว่าวันที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคมาจากใครเราก็รู้ เราวางตัวใครมาก็รู้
“ผมก็ไม่อยากจะพูดกลับไปเพราะเป็นเรื่องอดีต มันเป็นเรื่องไฟในบ้าน มันก็ควรจะจบในบ้าน ไม่ใช่ว่าพูดให้ประชาชนเขามีความรู้สึกว่านักการเมืองทะเลาะกันออกอากาศ มันอายชาวบ้าน ผมบอกตรงๆ ผมโทรถามเพื่อนผมว่าเลขาฯ ขิง โทรหาผมทำไม เพื่อน สส.อยู่ใกล้ตัวบอกเขาโทรมาบอกให้รับสายเลขาฯ ขิง ผมบอกว่าจะรับสายได้ยังไง ความคิดที่เขาจะมาคุยกับผมเป็นความคิดที่ผมรับไม่ได้ คำพูดหนึ่งที่เพื่อนโทรมาบอกว่า ให้จับมือกันขับหัวหน้าพรรคออกไปดีกว่า เดี๋ยวเขาเป็นหัวหน้าพรรคเอง ซึ่งมันแรงไปนะ ผมจึงไม่รับสาย แต่ไม่อยากพูดต่อว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร ซึ่งตนเป็นคนพูดความจริงทุกเรื่องแต่มันไม่ควรต้องรื้อฟื้นกัน เอาประเด็นอย่างนี้มาทำตัวเองหรือคนเดียวมันไม่ถูก”
...


แฉ “ขิง” ขอเสียงโหวตล้มหัวหน้าพรรค
ผู้ดำเนินรายการถามย้ำว่าครั้งหนึ่ง นายเอกนัฏ พูดเองว่าเข้าชื่อกันปลดหัวหน้าพรรคดีกว่าใช่หรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า นายเอกนัฏ โทรศัพท์มาหาเพื่อน สส. หลายคนให้ตนรับสาย เพื่อนบอกอ้างคำพูดนายเอกนัฏว่าเรามาคุยกันดีกว่า มาช่วยกันจับมือขับหัวหน้าพรรคออก ตนไม่รู้จะคุยต่อทำไมเมื่อรู้วัตถุประสงค์นี้ โทรศัพท์มาขอเสียงให้ช่วยโหวต ซึ่งตนก็มาไกลแล้ว และตนเองไม่เคยอัดเสียงใคร มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แต่ถ้าตนเป็นคนประเภทวางแผนดีอัดเสียงไว้ มันก็มีอะไรยืนยันกันได้ ที่บอกว่าโทรศัพท์มาแล้วตนไม่รับสายไม่ใช่ลูกผู้ชายนั้น ตนลูกผู้ชายพอที่ทำแบบนี้ไม่ได้ พร้อมยืนยันว่ามีโทรศัพท์เข้ามาวันอังคาร (3 มิถุนายน 2568) เพียง 2 สาย
เมื่อถามว่า นายเอกนัฏ อยู่ฝ่ายเดียวกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่หรือ นายสุชาติ กล่าวตอบว่า วันที่มีภาพกินข้าวกับกลุ่ม สส.ชุมพร เมื่อออกไปก็รู้อยู่แล้วว่าทุกคนมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันหมดกับตน ส่วนในประเด็นคำถามว่า 21 รายชื่อ สส.รวมไทยสร้างชาติ เป็นของจริง ตัวจริงเซ็นจริงทุกชื่อหรือไม่ นายสุชาติ ถามกลับว่า สื่อมวลชนสัมภาษณ์ สส.ทุกคนก็บอกว่าเซ็นจริง และยืนยันทางวิทยาศาสตร์ได้ มันไม่ใช่เรื่องโกหก เป็น สส.โกหกไม่ได้ คนที่พูดออกมาว่าไม่ได้เซ็นก็ต้องไปตอบคำถามในบ้านเอง 18 ใน 21 คน เขาบอกเขาเซ็น รูปก็มี ซึ่งมันเป็นปัญหาในบ้านพวกเรา เราไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศเพราะมันไม่ใช่ความเดือดร้อนประชาชน


อยากออกจากบ้าน แต่ถูกคล้องกุญแจไม่ให้ออก
ขณะที่คำถามว่าทำไม สส.ชุมพร ออกมาปฏิเสธทันที นายสุชาติ กล่าวว่า ภาพที่ออกสื่อ เซ็นชื่อกันในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 การปฏิเสธน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง เพราะตนไม่ได้บังคับใคร สิ่งที่เราทำกันวันนี้เราต้องยอมรับว่าความจริงในพรรคมันคืออะไร พรรคนี้ตอนเริ่มมาอย่างไร ตนอยู่ตั้งแต่พรรคตั้งไข่
“ภาพภายนอกคนเขามองว่าพรรคอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถามว่าพวกผมเป็น สส. 36 คน ผมอาจจะเอ่ยถึงเพื่อนคนอื่นที่อาจจะอยู่ฝั่งเขา ผมถามว่าพวกเราทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงอะไรในพรรคบ้าง ถ้าทุกอย่างต้องผ่าน 9 อรหันต์ กรรมการบริหารพรรค 9 คนถูกไหม ซึ่งกรรมการบริหารพรรคบางคนก็เป็น สส.สอบตกด้วย แล้วจะมีสิทธิ์ตัดสินใจแทน สส. ที่เป็นอยู่ได้อย่างไร แล้วโครงสร้างแบบนี้อนาคตจะไปอย่างไร”
นายสุชาติ เผยต่อไป เราต้องยอมรับพูดแบบเห็นภาพตอนนี้เรามาอาศัยบ้านเขาอยู่ เราจะออกจากบ้านเขาเอากุญแจคล้องหน้าบ้านไม่ให้เราออก เราอยู่แล้วเราอึดอัด อยากออกจากบ้าน ทำไมเขาไม่ปล่อยให้เราออกไปดีๆ ทำไมต้องคล้องกุญแจไม่ให้เราออก ส่วนเรื่องข้อบังคับตนไม่ซีเรียส เพราะลูกผู้ชายอยู่แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าผิดระเบียบพรรคก็ขับเราออกไปเลยก็ได้ เราจะได้ไปสร้างบ้านสร้างอะไรที่เราคิดว่าจะทำอะไรให้ประเทศไทย


ปูดมีทีมตามเก็บหลังชุดสุดซอย
ทั้งนี้ บ้านตนอยู่ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เราจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชุดที่เขาตั้งมามันคือชุดอะไร ที่เขาพูดว่าชุดสุดซอย อาจจะไปเหยียบตาปลาใครกระทบใคร ตนก็ไม่อยากไปก้าวล่วง ภาพมันดูดี แต่รู้ไหมว่ามีชุดตามเก็บอีกทีหนึ่ง ตนไม่อยากพูด เหมือนโยนความผิดให้ตนหมดเลยว่าไม่มีผลงาน ตนไม่ได้โทษใคร แต่ไม่นานนี้จะเห็นหมดทุกเรื่อง พร้อมย้ำว่าเรื่องในบ้านไม่ควรให้มาปวดหัวกับเราด้วย แต่กลายเป็นมาดิสเครดิตกันในสื่อ ฟังแล้วตนเป็นผู้ร้ายขนาดนี้เลยหรือ มันสมควรที่จะจบกันได้แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าชุดเก็บต่อจากชุดสุดซอยคือเก็บอะไร นายสุชาติ ระบุว่า บางอย่างเราให้คนที่เขาโดนกระทำออกมาดีกว่าไหม เพราะตนไม่ได้โดนกระทำ ตนไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่เป็นคนพื้นที่ตนก็โดนด่า ในคำถามว่าสามารถเปิดเผยภาพเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่มีการเซ็นชื่อได้หรือไม่ นายสุชาติ เผยว่า เดี๋ยวก็คงต้องมีออกมา วันนั้นเราถ่ายเพื่อว่าเป็นที่เรานั่งทานข้าวกัน ลงแนวคิดเดียวกัน ความหมายเดียวกัน แต่คืนนั้นมีผู้ใหญ่ของพรรคหลายคนโทรศัพท์ไปหาทั้ง 21 คน พร้อมยืนยันว่า สส.ชุมพร เซ็นจริง ถ้าไม่จริงก็คงออกมาฟ้องตนแล้ว


เซ็นชื่อหรือไม่รู้อยู่แก่ใจ
นายสุชาติ เผยต่อไปอีกว่ากลุ่ม สส.ชุมพร โทรศัพท์มาตั้งแต่คืนที่เขาโพสต์ ตนจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าเขาเป็น สส.เขต อึดอัด ชาวบ้านหาว่าตนรับเงินมาเพื่อมากลับข้าง ตนจึงบอกว่าคุณจะบ้าหรือ แต่ไม่เป็นไรตนไม่ห้ามใคร การทำแบบนี้ไม่ได้เสียเครดิตตน แต่เสียเครดิตเพื่อนทั้งกลุ่ม อีกหน่อยใครจะคบกับพวกคุณ ซึ่ง สส.ชุมพร อีก 2 คน บอกว่านายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1 เป็นคนทำเอง พร้อมบอกว่าไม่ได้บังคับใคร เราเป็นเพื่อนกันหมด ตอนบอกก็ยินดีทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแบบนี้ใครจะแก้ตัวอะไรก็ว่าไป คุณรู้อยู่แก่ใจว่าเซ็นเองหรือไม่
ช่วงท้าย นายสุชาติ ชี้แจงถึงเรื่องลายเซ็นของตนเองว่า ลายเซ็นที่ลงนามในหนังสือเป็นลายเซ็นที่ตนใช้เบิกเงินธนาคาร แต่กับการทำงานจะใช้ลายเซ็นอีกแบบ พร้อมกล่าวอีกว่าเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 น.ส.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปกับเพื่อน สส. รวม 4 คน ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี.

