“ภูมิธรรม” ย้ำอำนาจปรับ ครม. อยู่ที่ “นายกฯ อิ๊งค์” ชี้ หลักการเสนอชื่อรัฐมนตรีต้องยึดมติพรรค โบ้ยรวมไทยสร้างชาติ เคลียร์ภายในพรรคกันเอง

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 11 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กระซิบบอกอะไรหรือไม่ ว่า ยังเป็นคำตอบเดิม ยังไม่ได้กระซิบอะไร ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครจะพูดอะไร รัฐมนตรีคนไหนจะพูดอย่างไรก็เป็นความเห็น แต่ทั้งหมดอยู่ที่อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะดูเองว่าใครเป็นอย่างไร ควรจะทำอะไรแค่ไหน และจะเป็นอย่างไรต่อไปอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามต่อกรณี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูเหมือนจะมีปัญหาภายในที่ชัดเจน จะเป็นอุปสรรคในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยึดถือข้อตกลงเดิม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรต้องไปจัดการภายในของพรรคให้ชัดเจน เราคุยกันในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรต้องให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติออกมา

ขณะที่กรณี 21 ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงชื่อกดดันให้ปรับ ครม. โดยลากนายกรัฐมนตรีเข้าไปร่วมในการเคลียร์ปัญหานั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ใครอยากลากอย่างไรก็ลากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัว สิ่งที่ออกมาเป็นความเห็น ถึงอย่างไรต้องไปจัดการกันเองในพรรค เมื่อถามย้ำว่าปัญหาดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศการทำงานของรัฐบาลแกว่งไปหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ใน ครม. ไม่แกว่งและทำงานอย่างเต็มที่ แต่ที่แกว่งคือแกว่งอารมณ์ข้างนอก

...

เมื่อถามถึงการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เข้าประชุม แต่เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องไปถามนายพีระพันธุ์ว่าติดอะไรและมีเหตุผลอย่างไร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ตนก็ลาไปครึ่งชั่วโมง เข้าประชุมสาย มาทันช่วงที่นายกรัฐมนตรีสั่งการเสร็จ

ในประเด็นคำถาม การที่ ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ มีความเห็นแตกต่าง สุดท้ายหากมีเรื่องใดต้องยึดมติของพรรคเป็นหลักใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม เผยว่า ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องปรับ ครม. สุดท้ายต้องยึดมติของพรรคเสนอมาอย่างเป็นทางการ ส่วนเขาจะส่งใคร หรือไม่ส่งใคร หรือส่งอย่างไรเป็นสิทธิของเขา เรามีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่หัวหน้าพรรคคุยกัน และโดยหลักการแต่ละพรรคต้องไปจัดการในพรรคให้ชัดเจน เมื่อมีมติแล้วก็มอบหัวหน้าพรรคมาคุย และเสนอมาก็อาจจะไม่ได้หมด อาจมีคนที่เราเห็นว่าสมควรกว่าก็อาจจะบอกให้เขากลับไปดูก่อน ถ้าเขาดูไม่ได้จึงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องมาพิจารณา บางอันก็ต้องเคลียร์ว่าจะเอาคนกลางหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณาจัดตั้ง ครม. ขอย้ำว่าต้องเป็นมติพรรคที่จะเสนอบุคคลมา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรค ก็ต้องยึดมติพรรค.