พรรคประชาชน ชง 4 ข้อ วงประชุม กมธ.งบประมาณ 2569 นัดแรก “ศิริกัญญา” ตั้งเป้าหั่นงบฯ 5 หมื่นล้าน ดัน “สส.ไอซ์” คั่วรองประธาน กมธ. เหน็บ ปมกำแพงภาษีสหรัฐฯ ดูท่าทีชาติอื่นเจรจา แต่ไทยไม่ปรับแผนก็ไร้ค่า


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภามีการประชุมนัดแรกของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อเลือกตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. ทั้งนี้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.งบประมาณปี 2569 ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ว่า พรรคประชาชนเตรียมเสนอ 4 กรอบการทำงานให้ กมธ. พิจารณา คือ

1. การตั้งเป้าหมายปรับลดงบประมาณที่ไม่โปร่งใส ไม่มีความจำเป็น

2. เรียกร้องให้รัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการชี้แจงต่อ กมธ. เพราะนโยบายที่บรรจุในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 นั้น ข้าราชการประจำไม่ได้คิด

3. ให้ถ่ายทอดสดการประชุม กมธ. เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล และรับรู้ข้อเท็จจริงและซักถามในกระบวนการงบประมาณ

4. ขอให้หน่วยงานที่ส่งข้อมูลต่อ กมธ. ส่งข้อมูลที่สามารถวิเคราะห์ได้ง่าย เพื่อตรวจสอบงบประมาณได้

...

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.งบประมาณปี 2569 กล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงได้ราว 50,000 ล้านบาท แต่ต้องคุยกันสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น การดูงานต่างประเทศ โครงการที่เกิดผลในระยะยาวไม่ต้องรีบทำ เลื่อนออกไปก่อน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าต้องการถึงแสนล้านหรือไม่ โดยต้องจัดลำดับความสำคัญและวางไกด์ไลน์กับ กมธ. เพื่อวางลำดับความสำคัญเร่งด่วน และส่วนตัวมองว่า ปรับลดสามารถทำให้ได้ โดยในการตั้ง กมธ. ตำแหน่งต่างๆ พรรคประชาชนจะเสนอ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ให้เป็นรองประธาน กมธ.งบประมาณ 2569 ซึ่งตามโควตาแล้วสามารถได้รับตำแหน่ง

นอกจากนี้ น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการเจรจากรณีกำแพงภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย ว่า เป็นเรื่องดีที่จะมีความชัดเจน แต่ต้องการทราบว่าจะเกิดขึ้นในวันที่เท่าไหร่ ซึ่งในประเด็นการเจรจาหากกลยุทธ์ของรัฐบาลไทยที่ประกาศว่าไม่รีบและรอดูท่าทีประเทศอื่น สามารถถอดบทเรียนได้จริง การทำข้อเสนอเพื่อเจรจาบนโต๊ะที่มีคุณค่าที่ทำให้ทางสหรัฐอเมริกาพอใจคิดว่าคงจะดี แต่กังวลว่าแม้จะรอดูทีท่า แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่เสนอไปตั้งแต่ต้น ก็เท่ากับว่าไม่มีความหมาย เพราะกระบวนการเจรจาใช้เวลานาน ไม่มีประเทศไหนที่ลงนามสัญญาชัดเจน รวมไปถึงสหราชอาณาจักรที่ตอนนี้ยังไม่มีการลงนามในสัญญาใดๆ ดังนั้น กระบวนการต้องมีการทบทวนในหลายประเด็น เช่น การค้า การลงทุน มาตรฐานอื่นๆ ที่ยื่นเป็นข้อเสนอ การเริ่มต้นเจรจาเป็นสิ่งที่ดี.