“อนุทิน” ลั่น มหาดไทยเป็นแนวหลังดูแลราษฎร สร้างขวัญกำลังใจ หนุนทหารปกป้องอธิปไตยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เผย 2 สส.ภูมิใจไทย ถูกเรียกแจงคดีฮั้ว สว. ลอต 6 เตรียมข้อมูลไปชี้แจงตามปกติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมายังห้องบรรยาย 1 ชั้น 2 อาคารศูนย์พัฒนาบุคลากร วิทยาลัยการปกครอง ถนนรังสิต - นครนายก อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อบรรยายให้กับผู้อบรมหลักสูตรโรงเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 85, 86 และ 87

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า จากเหตุการณ์ชายแดนที่มีการเจรจาแล้วถอนกำลังนั้น ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชน ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยจะต้องเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนให้เป็นปกติในการดำเนินชีวิต ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากการลงพื้นที่เมื่อวานยังมีเสียงสะท้อนของชาวบ้านเรื่องการหวาดกลัว เพราะมีผู้สูงอายุที่มีความหวาดกลัว แต่ก็จะให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น นายอำเภอ ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ส่วนที่เป็นวัยทำงาน วัยรุ่น วัยกลางคน ไม่มีความกลัวใดๆ แล้วก็ให้ความมั่นใจ

...

สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่เป็นชุมชน ตรงนั้นยังอยู่ห่างไกลแนวที่จะมีการปะทะกัน ยังไม่ถึงตรงนั้น ส่วนที่จะเป็นแนวชายแดนแนวอันตรายตรงนั้นยังไม่มี ทางทหารได้อพยพผู้คนออกไปในที่ที่ปลอดภัยหมดแล้ว ก็จะขอความร่วมมือว่าการเดินเข้าไปในป่า ไปเก็บของป่า การใช้ชีวิตแบบตามวิถีชีวิตทั่วไปตอนนี้ในแนวชายแดน หรือไปในที่เปลี่ยวก็ขอให้งดหรือยกเว้นไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามต่อ วันที่ 11 มิถุนายนนี้ จะกำชับอะไรกับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ก็เหมือนการมีอุทกภัย มีอุบัติภัยต่างๆ เราไม่ได้ไปแก้ปัญหาในช่วงที่เกิดภัยต่างๆ เรายังต้องไปดูเมื่อภัยพ้นไปแล้ว เราจะต้องนำความเป็นปกติสุขคืนมาให้เร็วที่สุดอย่างไร อย่างที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เราเคยมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เราต้องไม่ทำให้สนามการค้าเป็นสนามรบ เรายังคงต้องรักษาเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของการหารายได้ เรื่องการทำมาหากินของประชาชนที่เขาทำมาหากินกันมาเป็นร้อยๆ ปีแล้ว ก็อย่าให้เขาได้รับผลกระทบ

มหาดไทยแบ่งเบาภาระทหาร ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

ทางด้านประเด็นคำถามว่า ทหารกับกัมพูชาถอยทัพแล้ว เรายังคงต้องตรึงหรือมีการปรับกลยุทธ์อะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องของทหารก็ต้องไปถามทางทหาร มหาดไทยเรายันแนวหลังไว้ มหาดไทยต้องไปดูแลราษฎร ต้องไปดูแลเรื่องความพร้อมในการจัดเรื่องของการรักษาพยาบาล เรื่องของการทำมาหากิน อย่าให้มีผลกระทบกับเขา เรื่องหารายได้ ที่มีชีวิตอย่างไรก็ให้เป็นไปตามปกติ ไม่ใช่ขายของไม่ได้ ทำนาไม่ได้ ทำไร่ไม่ได้ เราปล่อยให้เกิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นในส่วนตรงนี้ถ้าเกิดตรงไหนมีสิทธิที่มหาดไทยต้องเข้าไปดูแล สมมติยกตัวอย่างต้องมีชุดคุ้มครอง เราก็ต้องไปช่วยทางฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่ว่าทหารต้องตรึงกำลังที่ชายแดนแล้วยังต้องมาคอยดูแลชาวบ้านอีก ซึ่งเราก็มีกองอาสารักษาดินแดน (อส.) มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ไปช่วยดูแลชาวบ้าน เป็นการแยกงานกันทำ เพื่อแบ่งเบาภาระ

นายอนุทิน ยังเผยอีกว่า เราต้องดูแลกันยาวๆ เรื่องของขวัญกำลังใจ ทำอย่างไรสร้างความมั่นใจว่าไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว และอันไหนไม่สามารถทำอะไรได้ โรงเรียนเปิดปกติได้ การซ้อมเผชิญเหตุยังต้องมีอยู่ อย่างเมื่อวานก็มีการซ้อมเผชิญเหตุ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีโดยเฉพาะนักเรียน ซึ่งตนก็กำชับไปว่าประชาชน นักเรียน เด็กๆ ต้องไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาเด็ดขาด

ทางด้านคำถาม มองอย่างไรกับการชื่นชมทางการเมืองที่ตัดสินใจได้เร็วในการลงพื้นที่ นายอนุทิน ระบุว่า วันนี้ไม่ได้มองอะไรเป็นการเมือง ศึกประชิดชายแดน เหตุการณ์เมื่อวานก่อนที่จะมีการถอนกำลัง กระทรวงมหาดไทยเราชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เราก็ต้องไป ไปทำภารกิจให้กับคนที่จะต้องรักษาชายแดน ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง มันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองอยู่แล้ว ตอนหลังๆ ก็มีเรื่องวุฒิสภา เรื่อง สว. ก็พยายามจะไปโยงกับพวกตน ตนก็เลยไม่ได้ติดต่อ เพราะว่าเดี๋ยวก็มีประเด็น ตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่

สส.ภูมิใจไทย พร้อมแจงคดีฮั้ว สว.

ในประเด็น สส.พรรคภูมิใจไทย ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกหมายเรียก นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย นายพิชัย ชมภูพล สส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 พรรคภูมิใจไทย คดีฮั้ว สว. นั้น เป็นรายชื่อในลอตที่ 6 นั้น นายอนุทิน เผยว่า “ผมก็พูดคุยกันปกติในฐานะหัวหน้าพรรคกับลูกพรรค ก็ไม่มีอะไร เขาก็พร้อมไปชี้แจงทุกอย่างนะครับ ทุกคนถูกกล่าวหาก็เตรียมข้อมูลหลักฐานเอกสารต่างๆ ไปชี้แจงที่ถูกกล่าวหา ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนะ”

เมื่อถามต่อไปว่าได้มีการพูดคุยและชี้แจงอะไรนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ได้มีการพูดคุย ก็รายงานตลอดว่าไปที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปประชุมเรื่องการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ซึ่งประเทศไทยได้มีเรื่องของการรับมือภัยพิบัติต่างๆ แผ่นดินไหว น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ฝนแล้ง ก็ใช้รูปแบบเดียวกับที่เราประคับประคอง สถานการณ์โควิด-19 เราแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเรา คนต่างชาติ นานาชาติเขาก็เห็น

ที่สำคัญที่สุดเราสามารถไปแสวงหาความร่วมมือต่างๆ ได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี ยกตัวอย่างเช่นที่เกิดแผ่นดินไหวคราวที่แล้ว ไม่ถึง 24 ชั่วโมงความช่วยเหลือผ่านองค์กรต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ทำให้งานมันมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่เราไปก็ไปแสวงหาความร่วมมือ แล้วก็ไปเสนอว่าประเทศใดๆ ก็ตามในโลกนี้มีสถานการณ์จำเป็น สถานการณ์ภัยพิบัติ เราก็พร้อมช่วยเหลือกันไปช่วยเหลือกันมา ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าใครก็ตามเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ในโลกนี้ เรามีเพื่อน เรามีเครือข่าย เรามีคนมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนของเรา

นอกจากนี้ เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้มีการประสานเรื่องพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน กล่าวตอบว่า “ไม่มีครับ ตอนนี้คุยเรื่องการเมืองไม่ได้หรอก เราต้องดูแลประชาชน ดูแลอธิปไตยของประเทศของเราเป็นสำคัญ” พร้อมระบุต่อไปว่า ตอนนี้มาทำงานกันแล้วก็ไม่ต้องเล่นการเมืองกันแล้ว พวกตนก็เป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นฝ่ายการเมืองที่มาทำงานกับข้าราชการประจำ ฝ่ายการเมืองกับฝ่ายประจำทำงานด้วยกันได้ ไว้ใจซึ่งกันและกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน คนได้ประโยชน์ก็ไม่มีใครนอกจากประชาชน สุดยอดปรารถนาของพวกเราอยู่แล้ว.