“ภูมิธรรม” ย้ำสถานการณ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้น อยู่ในจุดที่ยุติแล้ว ยันถก JBC 14 มิ.ย. ไม่คุยเรื่องปราสาท มอบ “บิ๊กเล็ก” ประเมินเรื่องด่านชายแดน ชี้ การพูดคุย “ฮุน มาเนต - ฮุน เซน” ปัจจัยสำคัญทำสถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีกัมพูชาถอยกำลังกลับไปอยู่จุดเดิมเมื่อปี 2567 และปิดกลบคูเลตตามคำเรียกร้องของไทย ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จ เป็นกระบวนการที่มีการพูดคุยกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสูง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม่ทัพภาคที่ 2 มีการประสานงานกันตลอด เราได้ให้ทูตทหารของเรากับของทางกัมพูชาเป็นตัวประสานขับเคลื่อน คุยกันมาต่อเนื่องตลอด

จนเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็อยากหาข้อสรุปที่เป็นสันติ คิดว่าการเกิดสงครามไม่มีประโยชน์ ตนเรียนไปว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การสั่งให้ทหารรบกันมันเร็วและมันง่าย แต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ยุติโดยไม่มีความสูญเสีย นั่นคือทิศทางหลักที่เราทำ

สถานการณ์อยู่ในจุดที่ยุติเรียบร้อยแล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้คุยกันตลอด เราอยากขอลดการเผชิญหน้า ทั้งนี้ เราได้คุยกันตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนคุยกับ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ก็มีข้อสรุปขั้นต้นและพยายามคุยกันต่อ ซึ่งตอนที่ตนกลับมาในการพูดคุยครั้งแรก มีความเข้าใจกันที่คลาดเคลื่อน เหมือนกับกระบวนการคุยกันยังไม่ยุติ จึงมีการคุยกันใหม่ โดยตนได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไป ซึ่งทางระดับสูงของกัมพูชายินยอมที่จะหาทางออกร่วมกัน

...

หลังจากนั้นกองทัพกัมพูชาได้ประสานผ่านมาทางทูตทหารให้ลงไปสำรวจพื้นที่ด้วยกัน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยเฉพาะจุดที่ปะทะกัน เราได้ส่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไปเพราะคุ้นเคยกับพื้นที่จึงออกมาในสถานการณ์ที่ดี ข้อตกลงที่เราขอคือ หลังจากนี้อยากให้ทั้งสองฝ่ายเดินสำรวจพื้นที่ด้วยกัน ให้เป็นเหมือนเดิมที่เคยทำ ให้กลบคูเลต และปรับกำลังไปเหมือนในปี 2567 ซึ่งอยากให้ยึดถือ เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้มันยุติได้อย่างสงบ ปรับกำลังกันไป เขาอยู่ในจุดเดิมของเขา เราอยู่ในจุดเดิมของเรา ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการยุติการเผชิญหน้าที่เป็นข้อแรกสุดที่เราอยากได้ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลง ขณะนี้ถือว่าอยู่ในจุดที่ยุติเรียบร้อยแล้ว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้จะเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ซึ่งวาระที่คุยกันตั้งแต่ต้นยังเป็นวาระเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาจะคุยในเชิงเทคนิค แต่เราอยากให้เคลียร์ตรงนี้ให้ชัดเจนว่าเส้นแดนตรงนี้มันจะประคองกันไปอย่างไรจนกว่ามีข้อตัดสิน คิดหาประเด็นในการที่จะตัดสิน หรือเงื่อนไขอะไรในการตัดสินใจ คงจะจำกัดอยู่แค่ในเรื่องนี้

ส่วนกรณีปราสาทต่างๆ เรายืนยันว่ายังไม่อยากพูดคุยในรอบนี้ หากเขาหยิบขึ้นมาเราก็พร้อมรับฟัง ต้องดูว่าวันที่ 14 มิถุนายน จะคลี่คลายไปอย่างไร ขณะที่การปิดด่านต่างๆ มติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ให้หน้างานประเมินตามความเป็นจริง โดยได้คุยกับ ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 และกองกำลังจันทบุรีแล้วว่า เราจะค่อยๆ ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว ชีวิตประชาชนชายแดนทั้งสองฝ่าย และชีวิตทหารของเราในแนวหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เราอยากแก้ปัญหาแต่ไม่อยากใช้ความรุนแรง ความอดทนอดกลั้นครั้งนี้ต้องขอบคุณกองทัพที่เข้าใจมาโดยตลอด และประสานงานในการช่วยแก้ไขปัญหาจนกระทั่งสำเร็จ

พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรม เผยด้วยว่า ทุกอย่างที่ได้คุยกัน ตนได้ให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นคนประสานงานกับเหล่าทัพ ซึ่งดี เพราะมีความผูกพันกันกับกองทัพ ส่วนตนได้คุยเฉพาะเรื่องสำคัญ และถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้แจ้งมาเพื่อจะได้แก้ปัญหา ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ขอบคุณประชาชนทั้งสองประเทศที่อดทนอดกลั้น แม้จะมีอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ทำให้คลี่คลาย จบลงด้วยดี ขอบคุณทหารทุกฝ่ายที่ไม่ทำให้เหตุการณ์รุนแรงไป

จากนี้ไปคงต้องกำหนดการคลี่คลายในเรื่องเขตแดนกับทางกัมพูชา และต้องวางมาตรการในระยะยาวต่อไป ซึ่งต้องรอการคลี่คลายต่างๆ อีกระยะหนึ่ง โดยเมื่อเช้าวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ได้คุยกับ พล.อ.ณัฐพล ให้ดูเรื่องความจำเป็นในการจะจัดการเรื่องด่านอย่างไร เพราะเรื่องด่านจริงๆ ตอนนี้เรายังไม่ได้ปิด แค่จำกัดเวลา และขณะนี้ยังไม่ได้กระทบการค้า และมาตรการขณะนี้อยู่ในมาตรา Seal Stop Safe เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีปัญหา คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้ดี ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ได้รายงานนายกรัฐมนตรีตลอด รวมถึงประสานกับ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 ตลอดเวลา

คุย “ฮุน มาเนต - ฮุน เซน” ปัจจัยสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าความสำเร็จเกิดจากมาตรการจำกัดเวลาปิดด่านหรือไม่ นายภูมิธรรม มองว่ามีหลายมาตรการ แต่สิ่งสำคัญคือการประสานงานที่คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต และสมเด็จฮุน เซน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คลี่คลายลง หลังจากท่าทีทั้งสองมีความเข้าใจมากขึ้น กระบวนการจากกองทัพกัมพูชาจึงได้เกิดขึ้น และมาตรการที่เราทำอาจจะเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยมันเกิดเป็นข้อสรุปได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าการตรึงกำลังของฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดนจะลดจำนวนลงด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม เผยว่า หลังจากนี้จะรอดู เชื่อว่ามันจะค่อยๆ คลี่คลาย ความที่มันตึงแล้วจะปลดทันทีก็คงไม่ถูกในวิสัย ตอนนี้ค่อยๆ ลดจุดเผชิญหน้า ขยับปรับกำลังกันไปแล้ว ส่วนอื่นๆ มันตรึงกำลังจริง แต่ยังไม่มีลักษณะในการปะทะที่ตรึงเครียดจริงอยู่แถวช่องบก สามเหลี่ยมมรกต ต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งตรงนี้คลี่คลายลงแล้ว.