“สนธิญา” หอบหลักฐาน 580 หน้า จี้ “กกต.” ฟัน “พีระพันธุ์” ถือหุ้น พร้อมยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ชงศาลรธน. ชี้ข้อบังคับ รทสช. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

วันที่ 4 มิ.ย. 2568 ที่สำนักงานกกต. นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวน และพิจารณาข้อเท็จจริงกรณีของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่เริ่มสมัครเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ แล้วลาออก และกรณีการถือครองหุ้น 4 บริษัท

โดยนายสนธิญา กล่าวว่า ให้ กกต. ตรวจสอบเพิ่มกรณีการถือหุ้นและแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ และให้ตรวจสอบผู้ถือหุ้นที่เป็นภรรยาและบุตรของนายพีระพันธุ์ อีกทั้งวันนี้มีเอกสารประกอบในเรื่องของการดำรงตำแหน่ง และการกระทำการต่างๆ ที่ตนรวมแล้วมีจำนวน 580 หน้า เพื่อให้ กกต. พิจารณา แต่อย่างไรก็ตามตนได้รับหนังสือเชิญเข้าให้ปากคำกับ กกต. ในเรื่องดังกล่าวแล้ว ในวันที่ 18 มิ.ย.2568 นี้

นายสนธิญา ยังกล่าวถึงข้อบังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค ได้มีบังคับใช้ในที่ประชุมใหญ่ช่วงเดือนมี.ค. 2568 โดยถ้าอ้างจากพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน คำว่า “ฝักใฝ่” พรรคการเมืองต่างๆ คือในเรื่องผูกพันและเอาใจใส่ นั่นหมายความว่าสมาชิกของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะไปฝักใฝ่หรือเอาใจใส่พรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดไม่ได้ เพราะจะเป็นเหตุให้เข้าสู่ข้อบังคับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในข้อที่ 5(6) นั่นคือการสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิกของพรรค ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่านายพีระพันธุ์ก็เป็นสมาชิกของพรรครวมไทยสร้างชาติแบบนี้จะนำข้อบังคับ ข้อที่ 5(6) มาใช้ใช่หรือไม่ เพราะนายพีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่มีน.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นเป็นการผูกพันและเอาใจใส่กันหรือไม่ แล้วถือว่าเข้าข่ายในข้อบังคับข้อที่ 5(6) ดังนั้นวันนี้ตนได้ไปยื่นเรื่องดังกล่าวให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาว่าข้อบังคับดังกล่าวนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงยื่นให้ กกต. พิจารณาด้วย

...