“เอกนัฏ” เมินภาพ “ก๊วนสุชาติ” กินข้าว-จิบกาแฟ บอกคุยแล้วหลายคนปฏิเสธย้ายพรรค แจง “พีระพันธุ์” หนีสื่อ เป็นบุคลิกชอบทำงานไม่ชอบพูด ด้าน “นฤมล” แซวให้ยืมไม้ค้ำ ถูกหยอกกลับจะให้ไปตีใคร

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีปรากฏภาพ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จับกลุ่มรับประทานอาหารกับ สส.ของพรรคบางส่วน ว่า เป็นเรื่องปกติ ตนพูดเสมอว่างานการเมืองเคร่งเครียดจะไปสังสรรค์ก็เป็นเรื่องปกติ หรือจะไปรับประทานอาหารแล้วนินทาตน ตนยังไม่ว่าเลย แต่พอภาพออกมาก็ถูกปลุกปั่นให้มีนัยทางการเมือง แต่ สส. ในภาพก็ออกมาปฏิเสธแล้ว ทั้ง นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค, นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา และนายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี ซึ่งเป็น สส.อาวุโสมาก ก็ออกมาปฏิเสธหมดแล้ว

ในคำถามว่ามองเรื่องการมีภาพถ่ายปรากฏออกมาอย่างไร นายเอกนัฏ ระบุว่า ตนเฉยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่าหมกมุ่น โชคดีที่ตนอยู่ตรงนี้มานาน เราก็ต้องทำงานต่อไม่หมกมุ่น ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเลย ย้ำว่าตนไม่เอามาหมกมุ่น และไม่กระทบการทำงาน ทางด้านคำถาม การปล่อยภาพแบบนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติเหมือนพรรคแตกหรือไม่ นายเอกนัฏ ตอบว่า เราต้องเชื่อมั่นในความรู้สึกของประชาชนว่ามีวิจารณญาณในการประเมินว่าแปลว่าอะไร ซึ่งในภาพ 15 คน แต่พอไปถึงสื่อมี 23 คนเฉย มีผี 8 ตัวมาจากไหน พอใส่ภาพพร้อมข้อมูลชงให้พร้อมเสิร์ฟแบบนี้ คนก็ควรจะมีสติในการเสพว่าอะไรเป็นอะไร

...

“ใน 15 คนนั้นออกมาปฏิเสธทั้งหมด ถ้าอีกนิดสงสัยต้องนัดรวมตัวแถลงข่าวปฏิเสธกันหมดเลยมั้งว่าทานข้าวกันเฉยๆ อย่าไปวิตกกังวลอะไร เดี๋ยว 2-3 วันนี้ก็คงมีข่าวแบบนี้อีก กินข้าวจิบกาแฟเป็นแฟชั่นไปแล้ว เดี๋ยวตนก็คงมีบ้างเป็นเรื่องปกติ”

นายเอกนัฏ กล่าวต่อไป ยอมรับว่าการทำพรรคการเมืองซึ่งตนเป็นเลขาธิการพรรค เป็น ส.ส.เขตมาก่อน การแบกรับปัญหาประชาชนเป็นเรื่องที่หนัก ตนรับฟังตลอด แต่ตอนนี้ตนเป็นรัฐมนตรีด้วย งานหนักตั้งแต่ตึกถล่ม อาจขาดการสื่อสารไปบ้าง บางคนโทรศัพท์มาคุยกับ ตนก็เข้าใจ และยังบอกด้วยว่าจะนินทาตนก็ไม่ว่า อะไรที่พรรคกับผู้บริหารขาดตกบกพร่องไปก็จะปรับเปลี่ยน

ผู้สื่อข่าวถามถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะชี้แจงถึงสถานการณ์ของพรรคบ้างหรือไม่ เพราะเป็นนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน นายเอกนัฏ เผยว่า ก็มีตนพูดอยู่แล้ว แต่ละคนบุคลิกสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน ตนยังแซวกับลูกพรรคเลยว่าตนไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ตรงไปตรงมา เวลาสัมภาษณ์ก็พูดตรงๆ สื่อถามอย่างไรก็ตอบตรงๆ ไม่มีโกรธกัน ไม่ใช่สุภาพบุรุษแบบหัวหน้า สวนมาสวนกลับ แต่หัวหน้าพรรคเป็นคนสู้งานแต่ไม่อยากพูด

ทางด้านคำถามถึงกระแสข่าวบีบพรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้าน หากนายพีระพันธุ์ไม่ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค โดยจะให้พรรคโอกาสใหม่เสนอโควตาแทนนั้น นายเอกนัฏ บอกว่า คิดกันไปไกลแล้ว พรรคใครพรรคมัน ไม่เห็นมีบีบอะไร เมื่อวาน (3 มิถุนายน 2568) ตนเจอนายกรัฐมนตรี ท่านก็พูดคุยปกติ ซึ่งเรื่องนี้คนมีอำนาจมีนายกรัฐมนตรีคนเดียว ขณะที่คำถามว่าดูแล้วนายพีระพันธุ์ ไหวหรือไม่ นายเอกนัฏ ตอบว่า “ไหว”

ทั้งนี้ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ คิดว่าจำเป็นต้องคุยกับนายสุชาติหรือไม่ เพราะดูท่าทีจะแอ็กชั่นไม่หยุด นายเอกนัฏ เผยว่า ตนไม่มีอะไรติดใจ เข้าใจการเมืองมีกติกามารยาท ตนอายุยังน้อย ยังอยู่ในวงการอีกนาน จึงพยายามรักษากติกามารยาททางการเมือง เพราะการสู้กันก็เหมือนขึ้นเวที ขึ้นชกพอหมดยกก็จบอย่ามาโกรธกัน ขอให้ทิ้งความรู้สึกที่ดีไว้ ตนเข้าใจหมด ก็ทำดีที่สุดในส่วนของตน ใครจะไปจิบกาแฟ ดื่มไวน์ กินไอศกรีมก็เชิญ แค่อยู่ในกติกาไม่ว่ากัน

เมื่อถามอีกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติมีเอกภาพพอที่จะทำงานหรือไม่ นายเอกนัฏ คิดว่าเรามีเอกภาพพอที่จะทำงาน ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง เราอยู่บนโลกความเป็นจริง ทุกพรรคมีปัญหา เวลาเราทำงานกับมนุษย์ มันมีเรื่องโลกส่วนตัว โลกส่วนรวม ซึ่งเป็นปกติ แต่เราต้องรักษาภาพรวม ไม่ว่าสถานะแบบไหนเราต้องทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องทำอะไรสักอย่างหรือไม่ เช่น ทานข้าวออกสื่อ นายเอกนัฏ กล่าวว่า “เอาอย่างนั้นเลยเหรอ ปกติก็ทานกันอยู่แล้ว ทำไมต้องให้ตนส่งรูปให้ด้วย บางทีก็ต้องมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง หรือเวลาคุยเรื่องสำคัญๆ เขาคงไม่ส่งรูปให้หรอกใช่หรือไม่”

มองท่าทีของนายสุชาติ อยากขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการแทนใครสักคนในพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏ ตอบกลับว่า ถามตรงๆ มาเลย อย่าไปคิดอะไร อย่าคิดเอง ไปถามเขาเอา ตนไม่ตอบแทนเขา ในคำถามว่าจะใช้ข้อบังคับใหม่ที่ระบุ ห้ามสมาชิกฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น มิฉะนั้นจะพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏ ระบุว่า ข้อบังคับปรับทุกปีเวลาประชุมใหญ่ เพื่อให้ยึดโยงรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกให้มากที่สุด ซึ่งแก้มานานแล้ว แก้ก่อนที่เหตุจะเกิด ไม่ได้แก้เพื่อไปทำอะไรกับใครเฉพาะเจาะจง ส่วนจะใช้ข้อบังคับใหม่กับกรณีนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ บอกว่า มีข้อบังคับเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต้องทำตามข้อบังคับ บ้านเมืองมีกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นายเอกนัฏ ได้เจอกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งยังใช้ไม้เท้าค้ำยันเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขายังไม่หายดี จากนั้นสื่อมวลชนได้ขอให้ทั้งคู่ยืนคู่กันเพื่อถ่ายภาพ โดยนางนฤมล หันไปแซวนายเอกนัฏ ด้วยหน้าตายิ้มแย้มว่า “ให้ยืมไม้ค้ำยันมั้ย” สื่อมวลชนจึงสอบถามนางนฤมลว่าให้ยืมเพราะอะไร นางนฤมล จึงตอบว่า “แซวเล่น” พร้อมกับหัวเราะ ก่อนที่นายเอกนัฏ จะยิ้มแล้วตอบว่า “จะให้ผมไปตีใครล่ะครับ”