“สุชาติ” รับ คุยทิศทางการเมืองในอนาคตกับเพื่อน สส.จริง ขอโทษทำพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สบายใจ แอ่นอก หากผิดอะไรให้ยึดตามข้อบังคับ ลั่น ภารกิจสิ้นสุดตั้งแต่ผู้มีพระคุณไม่อยู่แล้ว
เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 3 มิถุนายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ที่ท้องสนามหลวง ถึงกรณีมีการเคลียร์ใจกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือไม่ หลังจากที่ปรากฏภาพนายสุชาติ รับประทานอาหารกับกลุ่ม สส. ในพรรค และมีการพูดคุยทิศทางการทำงานการเมืองในอนาคตด้วย ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไร เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว แต่ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างตนให้เกียรติ เพราะเราอาศัยบ้านเขาอยู่ ส่วนเรื่องข้อบังคับพรรคก็ว่ากันไปตามระเบียบ ตนไม่ได้ซีเรียส ขอยืนยันว่าเรื่องที่สื่อมวลชนสอบถามเรื่องที่ตนได้รับประทานอาหารร่วมกับ สส. และสมาชิกพรรคบางกลุ่มก็ต้องพูดความจริง หากจะบอกว่าตนไม่ได้พูดอะไรเลย สื่อมวลชนคงไม่เชื่อ
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่ นายเอกนัฏ ระบุพร้อมที่จะรับฟังปัญหา ได้มีการนัดพูดคุยกันแล้วหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า ตนอาศัยพรรคเขาอยู่ ต้องยอมรับว่า พรรคก็ดีสำหรับบางคนบางกลุ่ม แต่ตนเองนั้นบริบทอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับบางกลุ่ม และต้องขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่เราต้องมองทิศทางของเราต่อไป ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้ไปดีลอะไรกับใคร เพราะเรามีมารยาทพอ ไม่ใช่ตนแน่นอนที่จะไปดีลกับคนอื่น แต่ส่วนตัวเองนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะคุยกับ สส. ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่เมื่อมีภาพออกมาตนก็ต้องออกมาตอบ และยืนยันว่าภาพไม่ได้หลุดมาจากตนเอง
ทางด้านคำถามกรณีที่มีรายชื่อของนายสุชาติ ปรากฏในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบหน้า นายสุชาติ เผยว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่สามารถไปก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีได้ วันนี้ขอให้คุยกันทีละขั้นตอน ย้ำว่าการทานข้าวกับ สส. ทานกันมา 5-6 เดือนแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ และกลุ่มเพื่อน สส.นี้ ก็คบกันมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2562 ทั้งนี้ ขอถามว่าตนไม่สามารถที่จะคุยกับใครได้เลยหรือ ซึ่งต้องคุยกันเรื่องทิศทางบ้านเมือง และจะไปอยู่กับพรรคไหนในอนาคตพรรคนั้น ต้องทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน
...
แต่อย่างไรก็ตามพรรคที่สังกัดอยู่เป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดี แต่อาจจะไม่ตรงกับเรา และทุกท่านทราบดีว่าตนมาอยู่ตรงนี้ตนทำเพื่อใคร และภารกิจส่วนนั้นได้จบสิ้นแล้ว ที่เข้ามารับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองตั้งแต่ปี 2562 แต่ตอนนี้ไม่สามารถไปอยู่กับท่านได้แล้ว ซึ่งท่านได้ฝากไว้หลายเรื่อง เหมือนการตามผู้มีพระคุณมา แล้ววันหนึ่งต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
ในคำถามว่ามีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าใจไม่อยู่กับพรรคปัจจุบันแล้ว นายสุชาติ ตอบว่า ต้องมองไปข้างหน้า แต่เราจะไม่จากด้วยการทะเลาะกัน จากกันด้วยดี แต่อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ผิดข้อบังคับหรือผิดระเบียบ ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เพราะตนเป็นลูกผู้ชาย ไม่ได้คิดจะทำให้เกิดปัญหาสื่อมวลชนถามก็ต้องตอบ
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า การเมืองยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ปี การไปรับประทานอาหารร่วมกันถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ต้องคิดยาวๆ และต้องมองหาพรรคการเมืองที่มีแนวคิดตรงกัน เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เราสามารถไปขีดเขียนได้ ก็ต้องสนใจตรงนั้น เพราะ สส. ไม่สามารถลงอิสระได้ ต้องสังกัดพรรคการเมือง
ขณะนี้มีเพื่อน สส. ที่มีแนวทางตรงกันกี่คน นายสุชาติ เผยว่า ตนขอไม่พูดถึงคนอื่น เพราะไม่อยากให้เกิดความไม่สบายใจ หากมีอะไรตนขอรับผิดชอบคนเดียว แต่เมื่อมีความสงสัยเรื่องการรับประทานอาหารตนก็พร้อมที่จะชี้แจงต่อข้อเท็จจริง เพราะไม่สามารถโกหกสื่อมวลชนได้ หากโกหกสื่อมวลชนแล้วประชาชนที่ไหนจะเชื่อ เป็นนักการเมืองต้องพูดความจริง ยอมรับว่ามีการคุยในรายละเอียดกันลึก แต่โดยมารยาทตนไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้ ขอย้ำว่า ตนอยู่ตรงไหนก็ทำงานเพื่อประชาชนได้
ในประเด็น นายเอกนัฏ ระบุหากไม่มีใจแล้วก็ขอให้ลาออกจากพรรค นายสุชาติ ระบุว่า ก็มีคนออกมาพูดถึงข้อบังคับพรรคแล้ว หากจะทำอะไรกับตนก็ทำตามข้อบังคับพรรค หากตนลาออกประชาชนจะมองตนอย่างไร เพราะประชาชนเป็นคนเลือกตั้งมา หากทำอะไรแล้วมีปัญหาก็ว่ากันไปตามข้อบังคับพรรคตนพร้อมที่จะยอมรับ แต่สิ่งหนึ่งตนมองว่า เขาน่าจะมองสิ่งที่ดีต่อกันที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ ยังกล่าวว่า ตนพาเพื่อนที่อยู่กันแต่ละจังหวัดมา ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อนปี 2562 เพราะเราเองก็เหนื่อยที่จะพาเพื่อนๆ จากพรรคอื่นๆ มา การเมืองมีเข้ามีออกเป็นเรื่องปกติ และพรรคที่ตนสังกัดอยู่สมัยก่อนไม่มี สส.สักคน ขอถามว่าแล้วการเลือกตั้งปี 2566 สส.มาจากพรรคไหน สื่อมวลชนก็รู้อยู่ เป็นการพาแม่น้ำหลายๆ สายมารวมกับแม่น้ำสายใหญ่ หากวันหนึ่งแม่น้ำสายหนึ่งที่ไม่มีน้ำ การจะไปหมุนเวียนรวมกับสายอื่นก็เป็นเรื่องปกติ