ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้สถานการณ์การเมืองแม้ยังราบรื่นต่อไปได้ เพราะแต่ละพรรคยังไม่พร้อมเลือกตั้งใหม่
โดยเฉพาะพรรคแกนนำอย่าง “เพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย”
ก็ต้องถูไถกันไปอย่างนี้
ประชาชนคนไทยคงไม่ได้อะไรเพราะการดำรงอยู่มิได้หมายถึงการสร้างงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
แต่เป็นเพราะความจำเป็นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ล่าสุดงบประมาณประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ผ่านสภาวาระแรกไปอย่างสะดวกโยธิน เพราะเป็นความรับผิดชอบของแต่ละพรรค
จากนี้ก็คงอยู่ในขั้นแปรญัตติ ต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนจะนำเข้าสภาเพื่อลงมติ วาระ 2 และ 3 จากนั้นก็จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา
ดูแล้วคงไม่น่ามีปัญหาอะไร
ดูตามสภาพความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลคงสบายใจขึ้นเพราะสามารถผลักดันเรื่องสำคัญให้ผ่านพ้นไปได้
จากนี้ก็เป็นการบริหารจัดการความเป็นไปของรัฐบาลว่าจะทำอะไรต่อ
จะปรับ ครม.หรือไม่?
นี่ก็เป็นหัวข้อสำคัญเพราะก่อนหน้านี้ “นายใหญ่” ผู้บงการรัฐบาลเคยเกริ่นมาแล้วว่าควรปรับทั้งหมด
แต่ “ลูกสาว” คนมีอำนาจจริงๆ ยังไม่เห็นด้วย
เพราะสามารถที่จะคุมรัฐมนตรีให้อยู่ในร่องในรอยได้ อีกทั้งเงื่อนไขต่างๆยังไม่สุกงอมพอ เกรงว่าจะเกิดปัญหา
ก็เลยชะลอไว้ก่อน
เรื่องปรับ ครม.นั้นมีความเชื่อมโยงทางการเมืองกับคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจอย่างแยกไม่ออก เพราะมี “ทักษิณ” เป็นตัวประกัน
หากโดนคดีก็จะส่งผลต่อรัฐบาลทันที
พูดง่ายๆว่ารัฐบาลคงจะอยู่ต่อไปได้ยาก!
เพราะคงไม่ใช่แค่ “ทักษิณ” เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรับผิดชอบด้วยในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
...
ที่สำคัญความมั่นของรัฐบาลชุดนี้คือ “ทักษิณ” ซึ่งเป็น “ผู้นำ” ตัวจริงเสียงจริง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเป็น 2 รัฐบาล 2 นายกรัฐมนตรี
ที่หัวหน้ารัฐบาลตัวจริงก็ยอมรับเรื่องนี้!
แม้ด้านหนึ่งจะบอกว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องฟังเสียงผู้นำอีกคนหนึ่ง
ปัจจัยและความเป็นไปของรัฐบาลชุดนี้คงต้องดูวันที่ 13 มิ.ย.2568 ซึ่งศาลนัดไต่สวนนัดแรก โดย “ทักษิณ” บอกว่ากำลังปรึกษาทนายความไปด้วยตนเองหรือไม่
ในรูปคดีล่าสุด “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีสาธารณสุข ได้วีโต้มติของแพทยสภา ที่ให้ลงโทษ 3 แพทย์เนื่องจากช่วยเหลือ “ทักษิณ”
ไม่ต้องติดคุกแต่ไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแทน
ท่ามกลางกระแสของบรรดาแพทย์ทั่วประเทศที่หนุนมติดังกล่าว แต่ “สมศักดิ์” สวนกระแสเพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
เนื่องจากต้องช่วย “นาย” ให้พ้นผิด!
ทำไปทำมาเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลต่อความเป็นไปของรัฐบาล
พูดง่ายๆว่าความขัดแย้งในรัฐบาลก็เบากว่าเรื่องนี้เยอะ
สุดท้ายแทนที่จะช่วย “ลูก” เพื่อบริหาร ประเทศได้นานๆ กลับกลายเป็นว่าสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล และ “ลูกสาว” เสียเอง
ก็นี่แหละ...คนจมไม่ลง
ใหญ่ยังไม่พอยังอยากใหญ่แบบไม่มีสิ้นสุด!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม