“สนธิญา” ร้องอัยการสูงสุด ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ “นายกฯ อิ๊งค์” และ “พีระพันธุ์” ชี้ ความผิดสมบูรณ์แล้ว พร้อมถามเหตุใดไปจีน ไม่อยู่ประชุมงบประมาณ 2569
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายสนธิญา สวัสดี นักร้องเรียน เดินทางมายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารเอ เพื่อขอให้อัยการสูงสุดส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการกระทำที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีการแต่งตั้งบุคคลที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี และให้อัยการสูงสุดพิจารณาวินิจฉัยส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
นายสนธิญา กล่าวต่อไปว่า ขอให้อัยการสูงสุดโปรดพิจารณาและวินิจฉัยว่า กรณีตนได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม และวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 โดยศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล 1111 ได้รับเรื่องไปแล้ว และมีจดหมายถึงตนว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนของตนไปถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ผ่านมาเกือบ 30 วันตนไม่ได้รับคำตอบใดๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบการถือหุ้นของนายพีระพันธุ์แม้แต่ครั้งเดียว
จึงร้องขอให้อัยการสูงสุดโปรดพิจารณาและวินิจฉัยว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธาร เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้นายกรัฐมนตรีอาจจะไม่กล้าตรวจสอบหรือไม่ เนื่องจากหากตรวจสอบแล้วนายพีระพันธุ์ถือหุ้นจริง หรือนายพีระพันธุ์แก้ไขหุ้นจริง ก็อาจจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และขอให้อัยการสูงสุดโปรดพิจารณาและวินิจฉัยว่า การแต่งตั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
...
ชี้ ความผิดสมบูรณ์แล้ว
พร้อมกันนี้ ตนขอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบกรณีการถือหุ้น 4 บริษัทที่เป็นกรรมการบริหารหรือเป็นหุ้นส่วนของนายพีระพันธุ์ ที่ผ่านมาตนเรียกร้องให้นายพีระพันธุ์ ออกมาชี้แจงประเด็นนี้ตลอดมา แต่ท่านก็ไม่เคยชี้แจง ต่อมาวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ผ่านมาไม่กี่วัน กลับมีการแก้ไขผู้ถือหุ้นและแก้ไขผู้บริหารบริษัท 4 บริษัท นายพีระพันธุ์กลับมาแก้ไข แสดงว่าสิ่งที่ตนเรียกร้องว่านายพีระพันธุ์ถือหุ้นนั้นเป็นความจริงแล้วจึงไปแก้ไข การแก้ไขจึงเป็นความผิดที่สมบูรณ์แล้ว การที่นายพีระพันธุ์ไปเยือนประเทศลาว มีการบอกว่า ป.ป.ช. ส่งหมายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่นายพีระพันธุ์ถูกเรียกสอบเรื่องถุงยังชีพ โดยตนได้ไปร้องที่ ป.ป.ช. ต่อมาทาง ป.ป.ช. ได้ออกหมายไปยังนายพีระพันธุ์โดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ
ขณะเดียวกัน นายสนธิญา ยังกล่าวด้วยว่า ตนร้องต่ออัยการสูงสุดกรณีที่นายพีระพันธุ์สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในระบบบัญชีรายชื่อเมื่อปี 2566 ขณะสมัครยังอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สิ่งที่ตามมาคือหลัง กกต. ประกาศว่านายพีระพันธุ์ได้เป็น สส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นายพีระพันธุ์จึงประกาศลาออกย้อนหลังไปจำนวน 57 วัน การกระทำดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยใช้ของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2543 หรือไม่ อย่างไร
ถาม “พีระพันธุ์” เหตุใดไม่อยู่ประชุมงบฯ 69
และประการสุดท้ายการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในส่วนของกระทรวงพลังงานจำนวน 2,888 ล้านบาท นายพีระพันธุ์ไม่ได้อยู่ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อที่จะตอบข้อสงสัยของ สส. ที่จะอนุมัติงบประมาณ ตนจึงขอถามนายพีระพันธุ์ว่า การไปประเทศจีนได้แยกแยะความสำคัญออกหรือไม่ว่าเรื่องใดสำคัญมากกว่ากัน โดยหลีกเลี่ยงการตอบข้อสงสัยในการตอบเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงพลังงานด้วยการเดินทางไปต่างประเทศ ตนได้นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาและวินิจฉัยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาความของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 46, 47 และ 48 หากอัยการสูงสุดไม่ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 60 วัน ตนจะใช้สิทธิในการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองต่อไป.