“สว.เปรมศักดิ์” อภิปรายหนุนญัตติชะลอตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติและความประพฤติองค์กรอิสระ ย้ำต้องรอบคอบ โปร่งใส ฟังเสียงทักท้วง ผลมติวุฒิสภา ไม่ชะลอ เดินหน้าต่อ “นันทนา” ลั่น สว.เสียงข้างน้อย ขอวอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรม

วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นนัดพิเศษ โดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกอภิปรายสนับสนุนญัตติให้ชะลอการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ในตอนหนึ่งว่า เมื่อวุฒิสภาแต่งตั้งองค์กรอิสระแล้วอยู่ไปได้อย่างน้อย 7-9 ปีโดยไม่มีการถอดถอน ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่งตั้งและถอดถอนองค์กรอิสระได้ เพราะเป็นคนมีผิดชอบชั่วดีได้ผิดพลาดได้ แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 ให้องค์กรอิสระอยู่ไปจนครบวาระแต่งตั้งเสร็จแล้วถอดถอนไม่ได้ เหมือนตีเช็กเปล่าแล้วไปกรอกตัวเลขเอาเอง ตรงนี้เป็นอันตราย

“ผมขอเตือนว่าอย่าให้ประเทศชาติถึงทางตัน คือคนเสื่อมศรัทธาองค์กรอิสระ เสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการแต่งตั้งที่มีปัญหา วันนี้สว.ส่วนหนึ่งอยู่ในการไตร่สวนสอบสวนของ กกต. วันนี้ก็มีการประกาศเพิ่มเติมเรียกผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจงอีก 22 คน รวมแล้วเป็น 127 คน จากจำนวนวุฒิสภา 200 คน เรื่องแบบนี้จึงต้องระวัง เพราะถ้าไม่ระวังเกิดเหตุภัยทีหลังจะเป็นผลอย่างที่ อาจารย์จรัญภักดีธนากุล ได้กล่าวเอาไว้”

...

สว.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ตนมีความห่วงใยไม่อยากให้ติดกับดัก เราจะชะลอการแต่งตั้งไปก่อนได้หรือไม่ ถ้าเราพิสูจน์แก้ข้อกล่าวหาถึงที่มาแล้วเสร็จค่อยมาพิจารณาแต่งตั้งองค์กรอิสระถึงจะสง่างาม ไม่มีใครต่อว่าเราได้ อย่าลืมว่าเมื่อวุฒิสภาเลือกแล้วต้องนำรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นขั้นตอนสุดท้าย เราจึงควรกลั่นกรองให้ใสสะอาดก่อนเพื่อไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทจะดีหรือไม่

สำหรับกรณีที่มีบางคนบอกว่าถ้า สว. ไม่เลือกจะผิดมาตรา 157 เป็นการพูดที่ใช้ตรรกะในทางที่ผิด เช่นเดียวกับตำรวจเห็นผู้ต้องหามีหมายจับปรากฏตัวต่อหน้าแล้วไม่จับนั่นผิดมาตรา 157 แต่กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 157 เพราะเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ ไม่บรรจุเรื่องนี้มาก็ได้รอไปพิจารณาในสมัยประชุมสามัญก็ได้ แต่เมื่อมีการบรรจุในระเบียบวาระแล้วให้ชะลอไว้ก่อนได้ การพิจารณาจะช้าหรือเร็วไม่สำคัญ สำคัญตรงที่วุฒิสภาเลือกองค์กรอิสระต้องสง่างาม อย่ามองว่าวุฒิสภาจะทำอะไรก็ได้ อย่าลืมว่าวุฒิสภาอยู่ได้ต้องอาศัยความศรัทธาจากประชาชน ถ้าสวนกระแสประชาชนจะเป็นปัญหาภายหลังได้ เมื่อถึงวันนั้นเราจะเสียใจในภายหลัง วันนี้เรามีเครื่องมือมีอำนาจในการแต่งตั้งองค์กรอิสระ ถ้าเราทำอย่างสุกเอาเผากินไม่ฟังเสียงทักท้วงไม่ฟังเสียงใครมันจะกลายเป็นบูมเมอแรง ที่กว้างออกไปแรงมันก็จะย้อนกลับมาเร็วตัดคอพวกเราเอง

ภายหลังอภิปรายเสร็จสิ้น เข้าสู่การลงมติในเวลา 13.04 น. พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เรียกแสดงตนเพื่อลงมติ ก่อนถามมติจากที่ประชุมว่า สมาชิกท่านใดเห็นชอบให้ชะลอการพิจารณาเรื่องด่วนที่ 1 ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง, เรื่องด่วนที่ 2 ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเรื่องด่วนที่ 4 ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามญัตติที่เสนอ กดปุ่มเห็นด้วย หากไม่เห็นชอบให้ชะลอการพิจารณา ให้กดปุ่มไม่เห็นด้วย โดยมีมติเป็นดังนี้

  • เห็นชอบ 37 เสียง
  • ไม่เห็นชอบ 125 เสียง
  • งดออกเสียง 12 เสียง
  • ม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง

สรุปว่า มติที่ประชุมไม่เห็นชอบให้ชะลอการพิจารณาเรื่องด่วนที่ 1, 2 และ 4

ทางด้าน นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ยังเป็นเหมือนเดิม ที่ผ่านมาอภิปรายทักท้วงด้วยเหตุผลกับ สว.เสียงข้างน้อย แต่ที่สุดแล้ว เสียงข้างมากก็เห็นตรงข้าม เหมือนการฉายหนังซ้ำๆ ซากๆ ขอฝากไว้ว่าการเป็น สว. ต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งประชาชนเห็นตรงกันข้าม หลายคนแสดงออกว่าอยากให้ชะลอ แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างนี้ ตนก็คิดว่าเป็นเสียงที่ท่านต้องรับผิดชอบต่อการลงคะแนน

ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวว่า “การลงมติวันนี้ได้เปลี่ยนแปลง สว.เสียงข้างมากที่ลงมติโดยไม่ฟังแม้แต่เสียงทักท้วงของเพื่อน สว. ด้วยกัน ที่สำคัญไม่เคยเห็นหัวประชาชนเลย สิ่งที่ท่านทำ ได้ทำร้ายจิตใจของประชาชนที่เฝ้าดูการประชุมและเฝ้าดูบทบาทของ สว.ชุดนี้ ดังนั้นสิ่งที่ท่านทำทั้งหมด ดิฉันและ สว.เสียงข้างน้อย จะไม่ขอร่วมสังฆกรรมในกระบวนการเห็นชอบองค์กรอิสระใดๆ และขอวอล์กเอาต์จากห้องประชุม ณ บัดนี้”

ในเรื่องด่วนที่ 1 ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา) จำนวน 15 คน มีกำหนดเวลาการดำเนินงาน ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติตั้ง

เรื่องด่วนที่ 2 มติที่ประชุมตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ศาสตราจารย์ ร้อยตำรวจเอก สุธรรม เชื้อประกอบกิจ และนายสราวุธ ทรงศิวิไล) จำนวน 15 คน มีกำหนดเวลาการดำเนินงาน ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติตั้ง

เรื่องด่วนที่ 3 ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด) จำนวน 15 คน มีกำหนดเวลาการดำเนินงาน ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติตั้ง

ส่วนเรื่องด่วนที่ 4 ที่ประชุมอยู่ระหว่างประชุมลับ เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (นายประกอบ ลีนะเปสนันท์, นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง และนายประจวบ ตันตินนท์) หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.