“อนุทิน” ตามจิก “ดีเอสไอ” ออกหมายเรียก “ณฐพร” หากไม่มาต้องออกหมายจับ พร้อมเรียกร้องผู้เกี่ยวข้องชี้แจงทำไมปล่อยดองคดีจนใกล้หมดอายุความ ปูดเคยมีคดีในอดีตเพียบ ตั้งแต่ใช้ชื่อเก่า
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงคดีความคืบหน้าติดตามตัวนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงินคดีสหกรณ์คลองจั่น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประสานกรมการปกครองในการติดตามตัวไปฟ้องศาลหรือไม่ว่า จริงๆ มีการประสานกันอยู่แล้ว โดยดีเอสไอได้ติดตามตัวในจังหวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีฮั้วสว. โดยมีหนังสือให้ฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือ ดีเอสไอลงพื้นที่
ฉะนั้น หากดีเอสไอ โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ประสานมาให้ติดตามตัวนายณฐพร ไปถึงขึ้นศาลจำนวน 2 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ใกล้หมดอายุความในวันที่ 15 มิ.ย. 2568 กระทรวงมหาดไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไอว่ามีการหลบซ่อนอยู่ที่ไหนแต่ต้องรอให้ดีเอสไอออกหมายจับก่อน เพราะขณะนี้ออกแค่หมายเรียกแล้ว เพราะหากออกหมายจับทุกองค์กรก็ต้องชี้เบาะแส ให้การร่วมมือในการจับกุมผู้ต้องหา ที่ต้องเร่งเพราะอายุความเหลือนิดเดียว
นายอนุทิน กล่าวว่า หากดีเอสไอออกหมายเรียกไปแล้วไม่มาต้องออกหมายจับ เพราะอัยการประสานดีเอสไอให้ออกหมายเรียกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และเวลาล่วงเลยมาหลายเดือน ผู้ต้องหาปรากฏตัวตามที่ต่างๆ และแจ้งกำหนดการล่วงหน้าว่าจะไปไหน
“ตรงนี้ผมว่าผู้มีหน้าที่จับกุมต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมปล่อยให้ทอดมาถึงทุกวันนี้ จนใกล้หมดอายุความ ฉะนั้นต้องเร่งเพราะผู้ต้องหาไม่ได้หลบหนีไปไหน”
...
เมื่อถามว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีจะดึงเรื่องหรือไม่ เพราะดำเนินการมา 8 ปียังไม่สามารถฟ้องศาลได้ นายอนุทิน กล่าวว่า นายณฐพรมีหลายคดีแล้ว ตั้งแต่ใช้ชื่อเก่า เช่นคดีเช็คแต่ไม่มีการควบคุมตัว ซึ่งจากที่กรมการปกครองไปตรวจสอบประวัติอาชญากรก็มีหลายคดี โดยใช้ชื่อเก่า ลักษณะก็คล้ายแบบนี้ทอดและดึงเวลาให้หมดอายุความแต่เที่ยวนี้คงลำบากเพราะปรากฏตัวอย่างชัดเจน และมีหนังสือของอัยการให้เร่งรัดจับกุม หากไม่จับกุมก็เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐดูไม่ดี ดังนั้นต้องช่วยกัน ซึ่งมหาดไทยก็ต้องช่วยดีเอสไอ เพราะเราเกี่ยวข้องความมั่นคงในประเทศอยู่แล้ว จะให้คนผิดกฎหมายลอยนวลหนีคดีเดินไปเดินมาไม่ได้