ภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น “จตุพร พรหมพันธุ์” ขึ้นเวทีสวมกอด “สนธิ ลิ้มทองกุล” พร้อมร่วมขับไล่ระบอบ “ทักษิณ” ลั่นถึงเวลาเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เชื่อหลัง 13 มิ.ย. บ้านเมืองคงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ
วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568 ซึ่งนำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดตัวผู้ร่วมเป็นวิทยากรพิเศษ โดยไม่คิดว่าทั้ง 2 คนจะมาร่วมเวทีเดียวกันได้ นั่นคือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมกับเผยภาพกอดกันพร้อมแคปชั่นว่า “เป็นภาพที่หลายๆ คนไม่นึกว่าจะได้เห็น ... ยินดีต้อนรับครับ”
นายสนธิ กล่าวเปิดตัวว่า นายจตุพรไม่ใช่คนเดิมแล้ว ความสัมพันธ์ในครั้งนี้เพื่อทวงคืนความถูกต้องให้พี่น้องประชาชน และอยากให้ประชาชนให้โอกาส นายจตุพร ในการทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมือง เขามีความกล้าหาญมากพอสมควร เขาคืออีกคนที่ร่วมต่อสู้กับหลายเหตุการณ์ของปัญหาบ้านเมือง และตอนนี้ตนรับ นายจตุพร มาเป็นน้องแล้ว รวมถึงมีการกอดกันบนเวทีอย่างอบอุ่น
...
จากนั้น นายจตุพร ขึ้นกล่าว โดยในตอนหนึ่งระบุว่า ภาพที่ได้เห็นไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เพราะคำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยนำพาให้ตนมาพบกับนายสนธิ โดยได้เจอกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อ 7 ปีก่อน ก่อนกล่าวต่อไปว่า วันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าประเทศไทย ทันทีที่ผมประกาศรบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับตน และการที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา คือการยอมรับว่าทุจริตจริง ซึ่งไม่ว่าระบอบการเมืองใด ทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณ และไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว หากนายทักษิณยอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่ และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฏิบัติ 2 มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณทำครบทุกข้อ
นายจตุพร ระบุต่อไปว่า หลังวันที่ 13 มิถุนายน 2568 บ้านเมืองคงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เรื่องที่หนืดจะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่ แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ พร้อมมองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยน ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่ วันนี้ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน
ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น หลายเรื่องรัฐเพียงแค่รับเรื่องเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น รอเวลาของตัวเองหมดไป แต่ปัญหามันไม่ได้แก้ และไม่ได้แก้ไขอย่างยั่งยืน และตนมีความเชื่อว่าถ้าไม่กล้าคิดเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ และปล่อยให้ประเทศบริหารแบบนี้ ไม่ใช่ตนไปรังเกียจอะไรนายกรัฐมนตรี แต่ท่านพอเถอะ จะได้มีเวลาแต่งตัวตามใจชอบไม่มีใครว่าอะไร ประเทศเราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในวันที่ประเทศวิกฤติเราก็ได้ผู้นำประมาณนี้ ทั้งที่เราต้องมีผู้นำที่ต้องเก่งกาจ มีความรอบรู้ ไม่ต้องคอยอ่านและมีพรายกระซิบ
“เวลาที่จะต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว ผม พี่นกเขา (ทนายนกเขา) และพวกเราทุกคน มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับคุณสนธิเรื่องชาติบ้านเมือง ทุกเรื่องเราพร้อมจะร่วมมือ วันนี้เอาประเทศให้รอด เอาประชาชนให้รอด สร้างความแข็งแรงให้กับทุกสถาบัน และร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกัน ไว้พบกันใหม่ครับ”
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กคุยทุกเรื่องกับสนธิ ยังได้โพสต์ภาพ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เพิ่งโบกมือลาพรรคพลังประชารัฐมาได้ไม่นาน กำลังสวมกอด พร้อมแคปชั่นว่า “อีกหนึ่งคนที่มาร่วมเดินเคียงข้างประชาชนกับคุณสนธิ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ยินดีต้อนรับครับ”