“สุชาติ ชมกลิ่น” แง้มจ่อสร้าง “บ้านใหม่” อยู่กันแบบพี่น้อง บอกคนอุดมการณ์เดียวกันมีมาก ไม่ต้องจีบก็มีคนอยากมาอยู่ด้วยเยอะ ชี้ ยังไม่มีสัญญาณยุบสภาฯ ลุยทำการเมืองภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคใต้
วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองพื้น จ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ว่า ในทางการเมือง ตนต้องยืนการเมืองไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องให้ดีขึ้นทุกครั้ง เหตุผลเพราะเรามีพันธมิตร มีกัลยาณมิตรที่อยู่กับเราหลายจังหวัด ส่วนในชลบุรี เราก็ต้องรักษาพื้นที่เราเหมือนกัน ผมก็ต้องทำการเมืองขยับขยายให้มันไปมีจำนวนมากขึ้น อันนี้พูดง่ายๆ ทุกคนเป็นนักการเมือง เป้าหมายคือต้องการกัลยาณมิตรที่มากขึ้น ขณะที่อุดมการณ์เราก็คือทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราก็ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง สำหรับเรื่องนโยบายเราก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราต้องทำงานกับ สส. หรือผู้แทนที่มีอุดมการณ์คล้ายๆ กัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อ พื้นที่หลักในชลบุรีค่อนข้างใหญ่ เวลาพรรคไหนพูดก็จะต้องพูดถึงรัฐมนตรีชลบุรี ภาคตะวันออก ตรงนี้บทบาทของรัฐมนตรีค่อนข้างเด่น นายสุชาติ กล่าวว่า “ถ้าเปรียบเทียบแล้ววันนี้ในภาคตะวันออกก็มีผมเป็นรัฐมนตรีอยู่คนเดียวตอนนี้ แต่ในอนาคตมันก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนหรอก ทุกอย่างมันอาจจะมีรัฐมนตรีเพิ่มอีก 3 คน 4 คนแล้วแต่ความสามารถ หรือการร่วมมือกันในการทำงานการเมืองด้วยกัน แต่ปัจจุบันคือบังเอิญมีผมคนเดียว มันก็เลยพูดถึงผม แต่จริงๆ ผมก็เป็นน้องทางการเมือง ซึ่งให้ความเคารพทุกคน ท่านอิทธิ (นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) เพิ่งมาตอนนายกฯ อิ๊งค์ (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี)”
...

ทางด้านคำถามว่าขณะนี้นักการเมืองกำลังแต่งตัว สร้างบ้านใหม่ หาบ้านหลังใหม่ เตรียมพร้อมเลือกตั้งใหญ่ มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายสุชาติ ระบุว่า ตอนเลือกตั้งเมื่อปี 2566 แต่พอเลือกตั้งเสร็จ มีการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน แล้วก็มานายกฯ แพทองธาร ตอนนี้การเมืองมาครึ่งเทอมแล้ว 2 ปี นักการเมืองทุกคนก็มองออกว่าการเมืองโดยอดีตที่ผ่านมามันก็จะอยู่ประมาณสักเกือบครบหรือครบแล้วแต่สถานการณ์ และยิ่งตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องต่างๆ นักการเมืองทุกคนมาครึ่งเทอมแล้ว ก็ต้องเตรียมตัว เพราะการทำการเมืองไม่ได้ทำได้แค่ 3 เดือน 6 เดือน มันต้องทำเป็นปีๆ ขึ้น
ขณะที่จะขยับอยู่พรรคไหน การที่จะขยับตั้งพรรคอะไรขึ้นมาใหม่ มันอยู่ที่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย ทางการเมืองอาจจะมองว่าเราเปลี่ยนพรรคบ่อยหรือไม่ ทำไมต้องทำพรรคขึ้นมาใหม่ หรืออะไรต่างๆ มันแล้วแต่สถานการณ์ พรรคเก่าแก่จริงๆ มีอยู่พรรคหนึ่งที่รู้อยู่เมื่ออดีตมีคนอยู่เยอะแยะ แต่ปัจจุบันเขาออกไปตรงโน้นตรงนี้ ตามที่ทุกคนอยู่แล้วมีความสุข หรืออยู่แล้วปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เขาก็ย้าย เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญต้องสังกัดพรรคการเมือง

จ่อสร้าง “บ้านหลังใหม่”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำเท่ากับว่าอย่างน้อย 90 วัน ยังไม่มีสัญญาณยุบสภาฯ หรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า “ไม่มีๆ” ก่อนระบุต่อไป แต่อย่าลืมว่าการทำงานการเมือง บางทีต้องแสวงหาจุดร่วมกับเพื่อนๆ ด้วย บางคนตอนนี้อาจจะอยู่คนละพรรค แต่ว่าคุยกันแล้วมันอาจจะถูกคอกันก็อาจมีสัญญาใจกันว่าในอนาคตมาร่วมกับเรานะ อาจจะมาร่วมกับเราเพิ่มขึ้นก็ได้ แต่เราก็ไม่ได้ชวนใครหรือไปทำอะไรให้ใครเขาเกลียด เราก็มีความเป็นพี่เป็นน้องหมดทุกคน แต่บางทีทำการเมืองภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันตก ก็ไม่เหมือนพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ คนละอย่างกัน
เมื่อถามอีกว่าตรงนี้จะเป็นปัญหาต่อกลุ่มของรัฐมนตรีที่ว่ากันว่ากำลังมี สส. อยู่กับรัฐมนตรีประมาณ 20 คนหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า จริงๆ สื่อมวลชนหรือนักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนเขามองว่าตนอาจจะมีแค่ 5-6 คน ที่พูดถึงอาจจะเป็นผู้แทนที่สอบตก จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก คือผู้แทนปัจจุบันนี่แหละ แต่มันพูดไม่ได้ เพราะว่าบางคนก็ยังไม่ได้อยากจะให้ใครรู้ว่าไปทางไหน แต่เมื่อถึงเวลาต้องชัดเจน อันนี้พูดแบบเป็นข้อเปรียบเทียบ อยู่บ้านเขา บ้านนู้นบ้านนี้ อาจจะไม่ตรงโจทย์เราหมด แต่วันที่ผ่านมาที่อยู่เพราะว่ามันก็ดีที่สุดแล้ว
“แต่วันนี้ถ้าเรามีโอกาสเราอาจจะต้องสร้างบ้านขึ้นมาเอง ชวนเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกันเองอยู่ด้วยกัน แล้วแต่สถานการณ์ แต่ตนไม่ได้ไปอยู่กับคนอื่นแบบที่เป็นข่าว การรู้จักกัน สนิทกันทุกพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ว่าสนิทกันแล้วต้องอยู่กับเขา”

ถ่อมตัวไม่เก่งขนาดนั้น แต่มีความจริงใจ
เมื่อถามว่าหมายถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ใช่หรือไม่ นายสุชาติ บอกว่า รักกัน แต่เราไม่รู้ ถ้าเราไปบอกวันนี้ไปอยู่กับพี่เขา มันจะเป็นการที่เราพูดแบบไม่ดี ใครที่เขารักเรา มีความต้องการเรา หรือยินดีต้อนรับเรา เราต้องขอบคุณทุกคน ทั้งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทุกคนเราสนิทหมด แต่วันนี้ต้องดูว่าพื้นที่เรามันเหมาะสมกับอะไรตรงไหน หรือไม่เหมาะสมเลย เราก็อาจจะต้องสร้างบ้านเอง
นักข่าวถามย้ำถึงพูดสร้างบ้าน 2 รอบแล้ว เหมือนจะไปสร้างอนาคตทางการเมืองแบบพรรคโอกาสใหม่ นายสุชาติ หัวเราะ และกล่าวว่าโอกาสใหม่ๆ แต่วันนี้พูดไปมันก็เสียมารยาท เพราะเราอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติถูกไหม เพราะเราเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคนี้อยู่ ส่วนในวันข้างหน้าหรือการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า เรายอมรับความเป็นจริงหมดทุกเรื่อง แต่การเมืองเราพูดตรงๆ เพราะเรามีเพื่อนหลากหลายจังหวัดที่จะมาร่วมอุดมการณ์เดียวกัน บางทีเขาก็อยากอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่เราวาดขีดเขียนมาด้วยกัน
“เรารู้ฝีมือกันว่าฝีมือของท่านผู้กอง (ธรรมนัส) ฝีมือเขาเป็นยังไง เขาก็รู้ฝีมือเรา แต่ว่าไม่ใช่เราจะต้องไปทำงานกับเขา คือฝีมือมันรู้กันอยู่ รู้จักกันมานานถูกไหม เราไม่ได้ว่าเราเก่งหรือฝีมือขนาดนั้น แต่เรามีความจริงใจกับเพื่อนมากกว่าเอาอย่างนี้ ผมเป็นคนตรง เป็นคนชัดเจน คำพูดคือคำพูดอย่างนี้ การเมืองมีแค่นี้ คือคำพูดต้องเป็นนาย คำพูดต้องชัดเจน รับปากคือจบ เพื่อนไม่ใช่ดูแลการพบกันแค่ตอนเป็นผู้แทน ระหว่างทางครอบครัวเขาต้องการความช่วยเหลือให้เราช่วยเหลือได้เราก็ทำ เหมือนคนครอบครัวเดียวกัน”
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าพรรคกล้าธรรมมี สส.สนิทคนหนึ่ง น้องเอ ซึ่งเราก็สนิทกัน เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐด้วยกัน ส่วนนี้เราต้องยอมรับว่าเราไม่ได้ทะเลาะกัน เป็นน้องเป็นพี่ด้วยกันดี แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเข้ามาทำงาน พูดตรงๆ เรามีดีไซน์กับเพื่อนไว้ ตนมีทั้งเพชรบุรี มีทั้งราชบุรี มีหลายจังหวัด ภาคใต้ก็มี เราก็ต้องดีไซน์ว่าเราจะปลูกบ้านหลังไหนอยู่ด้วยกันได้ หรือบ้านสไตล์ถึงอยู่ด้วยกันได้ บางพื้นที่มันต้องยอมรับว่าถ้าเราดีเฉพาะชลบุรีเดียว ที่อื่นไม่ดีด้วย เขาจะอยู่กับเราได้อย่างไร เขาก็สอบตกสิ

ลุยการเมืองกลาง ใต้ ออก ตก
ส่วนประเด็นที่พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม พรรคเส้นด้าย จะรีโนเวทบ้านเป็นโอกาสใหม่ ทำไมจังหวะการเต้นของหัวใจทางการเมืองไปที่ทางเดียวกัน นายสุชาติ มองว่า เราต้องยอมรับทางการเมืองเราแข่งกับพรรคหนึ่งอยู่แล้ว เอ่ยชื่อให้พรรคประชาชน เราแข่งทุกเรื่องอยู่แล้ว เพราะอุดมการณ์มันบวกลบ “เราต้องยอมรับ อันนี้ผมกล้าพูดเลย ผมไม่มีทางที่จะไปกับเขา เขาก็ไม่มีทางเอาผม ไม่ใช่ไปบอก เราไม่ไป เขาไม่เอาผมอยู่ดี ผมพูดชัดเจน ผมลูกผู้ชาย ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก”
เมื่อถามอีกว่าพรรคที่กำลังจะทำอะไรจะเป็นพื้นที่ไหนเป็นพิเศษ นายสุชาติ เผยว่า ก็ต้องภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งเราก็มี สส.ภาคใต้อยู่ในกลุ่ม แต่อย่าลืมว่าอย่างชลบุรีเรามี 10 เขต มันไม่ใช่ว่าเรามีคนความสามารถพอสัก 10 คน แล้วโอเค บางทีตนมี สส.ภาคใต้ บางเขต บางจังหวัด ไม่ได้มีทั้งจังหวัด แต่เราส่งหมด เดี๋ยวจะหาว่าเรามาซูเอี๋ยกัน ไม่ใช่ เหมือนเราจะแข่งสนามนี้ มั่นใจชนะก็ต้องสู้เต็มที่ สนามนี้มั่นใจว่าแค่เก็บคะแนนก็ต้องเล่นเก็บคะแนน มันไม่มีพลังเหมือนเรา สนามรบที่เรามีอาวุธยุทโธปกรณ์แค่จำกัด เราจะสามารถรบ 400 เขตไม่ได้นะ ก็ต้องรับสภาพตัวเรา เรามีอาวุธทรัพยากร ยุทโธปกรณ์ เราจะทำได้อย่างไรบ้าง สมการเมืองต้องมองกลุ่มเรามีกี่คน 20-25 คน ต้องรักษากลุ่มเราให้ได้ก่อน แล้วจะเพิ่มตรงไหนค่อยเพิ่ม เจาะเป็นเขต

เลือกครั้งต่อไป 3 ขั้วการเมืองใหญ่ดุเดือด
ทางด้านคำถามว่า หากในอนาคตมี 3 ขั้วการเมืองใหญ่ พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม พรรคโอกาสใหม่, พรรคประชาชน, พรรคภูมิใจไทย สมรภูมิเลือกครั้งต่อไปดุเดือดกว่าปี 2566 อย่างไร นายสุชาติ ตอบว่า เราต้องมองสถานการณ์ พูดตอนนี้เร็วไป เพราะอย่างที่บอกวันนี้เรายังเป็นโควตารัฐมนตรีนี้อยู่ แต่เราก็เตรียมพร้อมหมด เตรียมพร้อมตลอด เหมือนออกรบ มั่นใจอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมรบไหม พร้อมรบตรงไหน ก็อยู่ตรงนั้น คงฉกชิงช่วงชิงในพื้นที่ใครพื้นที่มันเป็นหลัก ดุเดือดเหมือนเดิม ยกตัวอย่าง บางจังหวัดเราสู้เขาไม่ได้ เราก็อาจจะไม่ได้ส่งสรรพกำลังทั้งหมดไปลุย อีกทั้งทุกอย่างการเมืองมันคุยไปกันได้หมด เพราะทุกคนเป็นนักการเมือง ก็มาจากเสียงพี่น้องประชาชน สุดท้ายถ้าเราจะทำทะเลาะกันไป หรือจะเป็นอะไรที่สื่อมวลชนเห็น มันต้องเพื่อชาติบ้านเมือง ทำเพื่อตัวเองมันไปต่อไม่ได้
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส สนิทกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายสุชาติ ก็สนิทกับนายทักษิณ แสดงว่าทิศทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งต้องเข้มข้น นายสุชาติ เผยในเรื่องนี้ว่า เหมือนกับเรามีเป้าหมายทำงานการเมืองแบบมืออาชีพ เรารู้ว่ามืออาชีพของนักการเมืองคืออะไร คือมันต้องรักษาฐานพื้นฐานข้างล่างให้แข็งแรง แล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประชาชนเลือกเราเข้ามาเป็นตัวแทนเขา เราไม่ได้เล่นการเมืองเพื่อกระแส เราเล่นการเมืองเพื่อความยั่งยืน พร้อมยืนยันว่าไม่มีชื่อ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังมีกระแสข่าวว่าจะร่วมไปกับนายสุชาติด้วย

ไม่ต้องจีบก็อยากมีคนมาอยู่ด้วย
นอกจากนี้ คำถามว่านอกจาก สส.ในพรรค ไปจีบ สส. อื่นมาร่วมอุดมการณ์ด้วยหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ต้องจีบก็อยากมีคนมาอยู่ จากที่อื่นอยากมาอยู่กับเรา เพราะเราเป็นคนมีพวกมีพ้อง มีพี่มีน้อง เราไม่ได้ทำการเมืองแบบเอาเปรียบใคร พูดตรงๆ เราทำการเมืองแบบพี่น้อง กินข้าวกัน คุยกันได้หมด เมื่อถามว่าเป็นบ้านใหญ่ได้หรือยัง เจ้าตัวตอบว่า “ผมไม่เคยคิดว่าใครเป็นบ้านใหญ่ บ้านอะไร ผมคิดว่าพยายามทำให้ดีที่สุด วันต่อวัน เราไม่อยากให้ใครมองเป็นบ้านใหญ่ บ้านน้อย บ้านใหม่ ไม่เอา แต่เป็นการเมืองกลุ่มใหม่ๆ แบบนี้ได้ ความคิดใหม่ๆ ก็ได้ และพยายามไม่ทะเลาะกับใคร ไม่ค่อยชอบประเภทนักการเมืองคนรุ่นใหม่ แต่ทำการเมืองเหมือนไม่ใช่คนรุ่นใหม่ คือด่าคนนู้น ตำหนิคนนี้”
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดอยู่ที่สมการตอนวันเลือกตั้งหลังผลคะแนนออกมาแล้ว แต่หลักๆ แล้วคือถ้าคนเคยร่วมงานกัน เป็นพรรคร่วมด้วยกัน มันก็รู้ใจกันอยู่ เหมือนเราเป็นหุ้นส่วนกัน เวลาทำธุรกิจใหม่ต้องชวนหุ้นส่วนเก่าก่อน เพราะไม่เคยทะเลาะกัน.