“เชาว์ มีขวด” ชี้คำพิพากษาศาลสูงสุดคดี “จำนำข้าว” ถึงที่สุดแล้ว สวนกลับ “นรวิชญ์–ภูมิธรรม” แค่สร้างวาทกรรมเบี่ยงประเด็น

วันที่ 23 พ.ค. 2568 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และทนายความ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงผลคดีโครงการรับจำนำข้าวในหัวเรื่อง “คดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่” มีใจความว่า กรณีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดว่า เตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อรื้อคดีใหม่ภายใน 90 วัน เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี โดยชี้ว่าหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 มีข้าวคงเหลือในคลัง 18.9 ล้านตัน หากรัฐขายข้าวได้ราคาสูงกว่าอนุกรรมการปิดบัญชีคำนวณไว้ ก็สามารถหักทอนกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบได้ ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวถึงกรณีนี้และเชื่อว่าหลักฐานจากการระบายข้าวค้างสต็อกในสมัยที่ตัวเองเป็น รมว.พาณิชย์ สามารถขายข้าว 10 ปีได้ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท จะเป็นข้อต่อสู้สำคัญในคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อพิสูจน์ว่าข้าวไม่ได้เสียหายตามที่กล่าวหา และไม่ได้เน่าเสียอย่างที่มีการโจมตีในอดีต โดยยืนยันว่าการขายข้าวดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการเมือง

ฟาดเบี่ยงประเด็นทำสับสน

นายเชาว์ กล่าวว่าการออกมาให้ความเห็นของบุคคลทั้งสองดังกล่าว ทำให้สังคมสับสนว่าคดีนางสาวยิ่งลักษณ์ยังสามารถขอพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่ และสามารถนำข้าวคงเหลือในคลัง 18.9 ล้านตันมาหักทอนกับที่ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบได้หรือไม่ ทั้งที่ประเด็นสำคัญที่ศาลได้หยิบยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัย คือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าวด้วยวิธีขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 4 ฉบับ มีความเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 20,057,723,761.66 บาท ซึ่งยิ่งลักษณ์ทราบปัญหาแล้วจากการส่งหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบดำเนินโครงการทั้งจาก สตง. และ ป.ป.ช. แต่กลับไม่ติดตามกำกับดูแล เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กบข.) เพียงครั้งเดียว ส่งผลให้มีปัญหาระบายข้าวไม่ทัน ศาลฯ จึงเห็นว่า ยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จำนวนเงิน 10,028 ล้านบาท

...

คนละส่วนขายข้าวได้

“ประเด็นสำคัญในคดีที่ศาลฯ วินิจฉัยจึงไม่ใช่ประเด็นว่ามีข้าวเหลือทั้งโครงการในคลัง 18.9 ล้านตัน ถ้าหากรัฐขายข้าวได้ราคาสูงกว่าอนุกรรมการปิดบัญชีคำนวณไว้ก็สามารถหักทอนกับที่ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบได้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน และไม่ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปและปรากฏอยู่ในสำนวนคดีนี้แล้ว” นายเชาว์ กล่าว