เปิดประวัติ “กุสุมาลวตี ศิริโกมุท” ลุยร้อง กกต. ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย อ้างเอี่ยวฮั้วเลือก สว. ลั่น ไม่กลัวตาย ด้าน “อนุทิน” และสมาชิกพรรคสีน้ำเงิน ต่างลุกมาตอบโต้ว่าปกป้องตัวเอง และจะเดินหน้าฟ้องกล่าวหาใส่ความเท็จ

วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 จากกรณี นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ “พรรคภูมิใจไทย” (ภท.) กรณีมีความเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. ปี 2567 พร้อมระบุว่ามีหลักฐานการกระทำความผิดทั้งอั้งยี่ซ่องโจร และพฤติกรรมทั่วไปของแกนนำคนสำคัญพรรคภูมิใจไทย มีหลักฐานว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการมีการจัดตั้งคนใน จ.บุรีรัมย์ และพบเส้นทางการเงินเป็นหลักฐานการโอนเงิน

อีกทั้งพาดพิงไปถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่ามีหลักฐานว่าเมื่อกระบวนการเลือก สว. เสร็จสิ้นแล้ว นายอนุทินได้เรียก สว. ไปพบที่โรงแรมดังแห่งหนึ่งเพื่อให้เขียนใบลาออก เป็นหลักการว่าคนพวกนี้ต้องอยู่ภายใต้การสั่งการของพรรคภูมิใจไทย และ สส.หญิงในภาคอีสานของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนคงไม่กล้ามาเปิดหน้า และจะมีการขอคุ้มครองพยานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

...

เปิดหน้าชน ไม่กลัวตาย

ส่วนกรณีที่ นายอนุทิน ขู่จะฟ้อง นางกุสุมาลวตี ระบุว่าไม่กลัว เมื่อกล้าที่จะชนก็กล้าที่จะเจ็บ และรู้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ก็มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และยืนยันไม่เคยไปพูดขออะไรกับ นายอนุทิน และเตรียมทนายความไว้แล้วจะฟ้องกลับ นางสุขสำรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

ขณะที่การออกมายื่นร้องยุบพรรคครั้งนี้ พบว่าทางฟากฝั่งภูมิใจไทย ทั้งหัวหน้าพรรค โฆษกพรรค และสมาชิกพรรค ต่างออกมาตอบโต้และปกป้องพรรคในประเด็นดังกล่าว และจะยืนยันว่าจะฟ้องกลับ นางกุสุมาลวตี ที่กล่าวหาใส่ร้าย นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีและดำเนินการทุกอย่างต่อบุคคลใดก็ตามที่ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มุ่งร้ายทางการเมืองในครั้งนี้

ทางด้าน นายอนุทิน มองว่าเป็นเรื่องการเมือง และหากพาดพิงสมาชิกพรรคภูมิใจไทยก็ต้องฟ้อง เขาพูดไม่จริง พูดโกหกทุกเรื่อง ตั้งแต่ที่ระบุว่ามาคุยกับตนที่รัฐสภา รู้จักเขาตั้งแต่อยู่พรรคชาติไทยพัฒนา จริงๆ หน้ายังไม่อยากมอง รู้ว่าเป็นคนอย่างไร ที่มาดักเจอที่รัฐสภาเพื่อมาขอเสียง สว. ใครจะไปสนับสนุนเพราะไม่ได้อยู่พรรคภูมิใจไทย รู้พฤติกรรมเป็นอย่างนี้มานาน ส่วนที่อ้างว่านัดเจอผู้สมัคร สว. ที่โรงแรมย่านรางน้ำ ตนไปที่นั่นสัปดาห์ละ 7 วัน เพราะสะดวก พรรคพวกเวลานัดก็อยู่ที่นั่นหมด ใครไปที่นั่นก็พบตน ก่อนกลับบ้านไปนั่งอยู่ที่นั่นทุกเย็น ไปคุยกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดด้วย บางทีเราเป็นคนสุภาพ ก็โดนคนกักขฬะทำแบบนี้ พร้อมย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ทำอะไรผิด

ประวัติ “กุสุมาลวตี ศิริโกมุท”

สำหรับประวัติของ นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ชื่อเล่น แมว เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2505 อายุ 62 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันเป็นรองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน และอดีต สส.มหาสารคาม เป็นบุตรนายสวาท ศิริโกมุท อดีต สส.มหาสารคาม และนางสุภาภรณ์ ศิริโกมุท อดีต ส.อบจ. ด้านการศึกษา จบปริญญาตรี บริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สาขาการวิเคราะห์และวางแผนทางสังคม จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปริญญาเอก สาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

เส้นทางการเมือง “กุสุมาลวตี”

นางกุสุมาลวตี ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งตั้งแต่ปี 2531 แต่ไม่ได้เลือกตั้งเรื่อยมา กระทั่งลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2544 จึงได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยแรก โดยสมัยที่ 2 ยังลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยจึงได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2548 แต่เมื่อการเลือกตั้งปี 2550 ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ครั้งนั้นไม่ได้รับการเลือกตั้ง นางกุสุมาลวตี ได้กลับมาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และลงเลือกตั้งในปี 2554 จนได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 โดยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 53 ในขณะนั้น ก่อนที่จะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยช่วงปลายปี 2561 หลังจากได้ลงสมัครเลือกตั้งในสังกัดพรรคเพื่อชาติ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

“ณฐพร โตประยูร” ยื่นด้วยยุบพรรคน้ำเงิน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าศึกนี้จะไม่จบง่ายๆ เพื่อการร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีเพียง นางกุสุมาลวตี แต่ยังมี นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็เดินทางมายื่นร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน ระบุว่า เนื่องด้วยคดีนี้มีพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ กกต. ว่ามีการกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน การได้มาซึ่งวุฒิสภาไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย เป็นการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยมิชอบและเป็นปฏิปักษ์

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะฟ้องร้องกลับ นายณฐพร ระบุว่า นายอนุทิน เป็นคนของประชาชน เป็นรองนายกรัฐมนตรี รับอาสามาทำหน้าที่บริหารประเทศ ควรจะต้องรับฟังความคิดเห็นและข้อกล่าวหาของประชาชน ไม่ใช่มาตรวจสอบแล้วท่านก็จะฟ้อง การฟ้องร้องควรจะรอให้คดียุติก่อน อะไรที่เท็จหรือไม่จริงก็ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ว่าตรวจสอบแล้วอะไรๆ ก็จะฟ้อง ถือเป็นนักเลงหัวไม้มากกว่า โดยก่อนหน้านั้น นายอนุทิน กล่าวถึง นายณฐพร ว่าเป็นใครก็ไม่รู้ ไร้สาระ ฝันกลางวัน ซึ่งนายณฐพร ตอบกลับในเรื่องนี้ว่า ตัวท่านเองก็ไร้สาระ ท่านเองควรจะคำนึงถึงบทบาทของตนเองว่าทำหน้าที่รับใช้ประชาชน เป็นรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ให้ประชาชนตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบไม่ได้ จะอย่างไรก็ได้หรือ ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร หากไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน.