“นายกฯ แพทองธาร” ในฐานะ ผอ.ศรชล. รับทราบรายงานเรือประมงถูกจับขนยาเสพติดที่อินโดฯ พบข้อมูล ศรชล. รายงานไม่ใช่เรือไทย ไม่มีอยู่ในสารบบ ย้ำรัฐบาลร่วมมือทุกประเทศจัดการกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ

วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้รับรายงานจาก พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศรชล. และ พล.ร.ต.จุมพล นาคบัว โฆษก ศรชล. ว่า ตามที่มีข่าวกองทัพเรืออินโดนีเซียจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบขนยาเสพติดจำนวน 1.9 ตัน ในเขตน่านน้ำอินโดนีเซียนั้น ศรชล. ได้ประสานศูนย์ข่าวสารทางทะเล และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ โดยได้รับแจ้งจากสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอินโดนีเซียว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 กองทัพเรืออินโดนีเซียเข้าจับกุมเรือประมงต่างชาติชื่อ Aungtoetoe99 ตามข่าวสื่อมวลชนในอินโดนีเซียรายงานข่าวอ้างว่าเป็นเรือประมงไทย ในเขตน่านน้ำ Salat Durian หมู่เกาะเรียวของประเทศอินโดนีเซีย และค้นพบยาเสพติด 1.9 ตัน มูลค่า 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจับกุมผู้ควบคุมเรือโดยกล่าวอ้างว่าเป็นชาวไทย 1 คน ลูกเรือชาวเมียนมา 4 คน ทุกคนไม่มีเอกสารประจำตัว

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศปก.ศรชล.) ซึ่งได้ตรวจสอบฐานข้อมูลเรือประมงไทยแล้ว ไม่ปรากฏชื่อเรือดังกล่าวอยู่ในระบบข้อมูลเรือประมงของไทย จึงได้ประสานการตรวจสอบกับหน่วยงานต่างประเทศและหน่วยงานภายในประเทศว่าเรือประมงดังกล่าวมีสัญชาติใด และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา กำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียว่าผู้ควบคุมเรือเป็นชาวไทยจริงหรือไม่ เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนเรื่องสัญชาติของไต้ก๋งเรือ เพราะกรมข่าวทหารของไทยค้นหาชื่อ “บ่าวพร กิ่งแก้ว” ในระบบทะเบียนราษฎร์ไม่พบว่ามีการจดทะเบียนแต่อย่างใด และล่ามแจ้งข้อมูลมาว่าไต้ก๋งให้การว่าเกิดที่เมียนมา มีพ่อหรือแม่เป็นคนเมียนมา แต่พักอาศัยอยู่ที่ จ.ระนอง โดยมีบัตรประชาชนของทั้งเมียนมาและไทย

...

“นายกฯ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและแรงงานภาคการประมง (IUU Fishing) โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนยาเสพติด การค้ามนุษย์ จะดำเนินการตามกฎหมายโดยขั้นเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นฐานในการกระทำความผิดทางทะเล และจะร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อสกัดกั้นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประโยชน์จากช่องทางทางทะเลอย่างเข้มงวด”