โฆษกรัฐบาลโวชาวนาขอบคุณ “นายกฯ อิ๊งค์” ปลดล็อกส่งออกข้าวไทย เปิดรายเล็กส่งออกได้เองทั่วโลก ลดขนาดสต๊อก ลดค่าธรรมเนียม

วันที่ 18 พ.ค. 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลเมื่อคราวครบรอบ 3 เดือน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง” โดยเฉพาะประเด็นเร่งปลดล็อกทุนผูกขาด ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า “การผูกขาดทุกชนิด เป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง รัฐบาลจะเร่งดำเนินการปลดล็อกการผูกขาด โดยเฉพาะเรื่องข้าว และตั้งเป้าหมายให้เกษตรกรทุกคนและผู้ค้าข้าว SMEs สามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง”

ทั้งนี้ ล่าสุดมติ ครม. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2568 ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว สาระสำคัญปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าว โดยปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ประกอบด้วย

1. ผู้ส่งออกทั่วไป (เดิมฉบับละ 50,000 บาท และไม่ได้กำหนดทุนจดทะเบียน) แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ ประเภททุนจดทะเบียน 5-10 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมฉบับละ 10,000 บาท ประเภททุนจดทะเบียนมากกว่า 10-20 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมฉบับละ 30,000 บาท และประเภททุนจดทะเบียนมากกว่า 20 ล้านบาท ฉบับละ 50,000 บาท
2. ผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ฉบับละ 10,000 บาท (เดิมฉบับละ 20,000 บาท)

นอกจากนี้ ยังได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตและค่าธรรมเนียมการต่ออายุหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว ประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไปหรือผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ที่เป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ ซึ่งได้จดทะเบียนรับรองไว้กับหน่วยงานราชการด้วย

...

ทั้งนี้ การปลดล็อกดังกล่าวจะสามารถทำให้เกษตรกรชาวนาไทยไม่จำเป็นต้องรายใหญ่ที่จะทำการส่งข้าวไปขายในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการปลดล็อกการค้าขายในโลกเสรีในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการปฏิรูปวงการส่งออกข้าวไทย สามารถแก้ไขปัญหาทุนข้าวผูกขาด ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกร และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถแข่งขันในการส่งออกข้าวไปตลาดข้าวโลกได้ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวขอบคุณรัฐบาลที่เร่งแก้ไขปัญหานี้ซึ่งจะทำให้การค้าขายด้านอุตสาหกรรมค้าข้าวในทุกขนาดการผลิต จะเป็นประโยชน์ต่อชาวไร่ชาวนาอย่างแน่นอน