“ผู้นำฝ่ายค้านฯ” รับฟังปัญหาสหกรณ์โคนมน้ำพอง ด้าน “เกษตรกร” โวย ถ้า “รมว.เกษตร” แก้ไม่ได้ ก็ลาออกไป “เท้ง” รับปาก ช่วยดันต่อเต็มที่ ทั้งปัญหานมโรงเรียน-มันสำปะหลัง

วันที่ 14 พ.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติภารกิจผู้นำฝ่ายค้านฯ ในการดูงานรับฟังปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ตำบลพังทุย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น

โดยประธานสหกรณ์โคนมน้ำพอง กล่าวถึงปัญหาที่พบในปัจจุบันว่า องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้รับซื้อน้ำนมดิบสมาชิกสหกรณ์โคนมน้ำพอง จำกัด โดยมีการกำหนดจ่ายค่าน้ำนมดิบทุกวันที่ 5 และ 20 ของทุกเดือน แต่ขณะนี้ ทาง อ.ส.ค.ค้างค่าน้ำนมดิบสมาชิก จำนวน 4 งวด รวมเป็นเงินกว่า 75 ล้านบาท ทำให้สมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในการบริหารงานของสหกรณ์

จากนั้นได้ให้ตัวแทนเกษตรกรในกลุ่มต่างๆ อาทิ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และมีตัวแทนเกษตรกรรายหนึ่ง กล่าวทิ้งท้ายภายหลังระบายปัญหาว่า “ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็ลาออกไป” ก่อนหันมาถาม สมาชิกสหกรณ์ได้พร้อมใจกันปรบมือและส่งเสียง

ด้านตัวแทน อ.ส.ค. กล่าวถึงปัญหาเรื่องนมโรงเรียน และการจ่ายเงินของเอเจนต์ที่ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามรอบ ทั้งที่ขายนมไปแล้ว อีกทั้งได้สะท้อนปัญหาการไม่มีอำนาจตัดสินใจ เนื่องจากยังไม่มีประธานบอร์ดด้วย

นายณัฐพงษ์ กล่าวภายหลังก่อนมาในพื้นที่ได้ปรึกษา สส. และคนที่ดำเนินนโยบายภายในพรรค ซึ่งมีทางออกบางส่วนแล้ว โดยจะใช้เวทีผู้นำฝ่ายค้าน และ สส.ในการแก้ปัญหา ส่วนเรื่องการตกแต่งสภาฯ หรูหราเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำเงินมาให้พี่น้องเกษตรกร เรามีคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ แต่การตั้งงบประมาณเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล แค่ตนเองตัดงบคงไม่เพียงพอ แต่อย่างไรจะช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ ขอให้พ่อ ๆ แม่ ๆ ช่วยส่งเสียงเรียกร้องกดดันนอกสภาฯ คู่ขนานไปด้วย

...

ขณะที่นมโรงเรียน ปัจจุบันอาจจะมีมาตรการช่วยเหลือบางอย่าง หากปริมาณการผลิตล้นตลาดก็จะต้องขยายการแจก จากเดิมให้แก่เด็กอนุบาลถึงประถม เพิ่มไปให้ชั้นมัธยมต้น และแจกช่วงปิดเทอมด้วย แต่ก็ยังมีรูรั่วเพราะบางแห่งเอานมโรงเรียนไปขายในโลกออนไลน์ จากการลงพื้นที่ฟาร์มยังพบว่า เกษตรกรโคนมมีต้นทุนหลายอย่าง จึงแนะนำให้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟฟ้าในทุกเดือน และเป็นนโยบายในระดับประเทศ

ขณะที่มันสำปะหลังจะต้องมีการผลักดันให้ราคาเท่าทุน โดยทางออกเฉพาะหน้าเพื่อให้มีความต้องการมันสำปะหลังมากขึ้นคือ การผลิตเอทานอล ปัจจุบันมีโรงผลิตอยู่ 10 โรง แต่เดินเครื่องการผลิตอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นรัฐบาลควรจะมีนโยบายส่งเสริมให้โรงงานผลิตเอทานอลเดินเครื่องเต็มกำลัง