อยู่กันไปแบบนี้ประเทศก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะรัฐบาลไม่สามารถสร้างนโยบายอะไรใหม่ๆที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติได้

แม้กระทั่งนโยบายของพรรคแกนนำที่ประกาศเอาไว้ตอนหาเสียงก็ไม่สามารถผลักดันให้เป็นผลสำเร็จได้

“ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละหมื่นก็ทำได้ครึ่งๆกลางๆ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่คุยโม้เอาไว้ กลายเป็นเบี้ยหัวแตกก่อปัญหาให้กับงบประมาณของรัฐ

ล่าสุด ก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะมีปัญหาจากผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต้องเตรียมเงินเอาไว้หากเกิดปัญหา

ซึ่งมีแน่ จะมากน้อยเท่านั้น

หรืออย่างนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรอธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ กฎหมาย “กาสิโน” ที่รัฐบาลไม่อยากให้เรียกแบบนี้

เพราะมันระคายหู!

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องบันเทิงล้วนๆ “กาสิโน” มีเพียง 10% เท่านั้น เป้าหมายก็เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อ้างว่าประเทศไหนๆก็พยายามทำกันทั้งนั้น

สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้กำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ก็หวังว่านโยบายหากดำเนินการได้สำเร็จ

ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

วันนี้รัฐบาลยังวนอยู่กับเรื่องนี้ทั้งๆที่มีปัญหาที่รอการแก้ไขอีก โดยเฉพาะการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

ที่ป่วนกันไปทั้งโลก!

จึงมีความจำเป็นรัฐบาลจะต้องพูดคุยหารือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขเนื่องจากมีผลกระทบในวงกว้าง

นอกจากการเจรจาแล้ว

ยังต้องเตรียมแผนรับมือจากผลที่จะเกิดขึ้นตามมา

นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” แย้มๆออกมาว่าไทยมี “ดีลลับ” ในเรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร และจะช่วยแก้ไขได้หรือไม่

หรือก็เป็นแค่ทำให้ผู้คนสบายใจ ไม่เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลมีแผนเด็ดที่จะแก้ไข

...

ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน?

อย่างเรื่อง “กาสิโน” นั้น ณ วันนี้บอกตรงๆว่า ไปลำบากแล้ว เพราะเสียงคัดค้านกระจายไปในวงกว้างแล้ว

ที่สำคัญฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลก็มีท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้น

คือหนักไปในทางที่จะไม่เอาด้วย

ล่าสุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่เคยบอกว่า พร้อมสนับสนุนก็ประกาศท่าที่ชัดเจนว่า

ควรทำ “ประชามติ”

คือเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและให้เป็นคนตัดสินใจ

หากคิดกันตามประสาคนที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งหน่อย ก็น่าจะบอกได้ว่า “ไม่เอาด้วย” เว้นแต่ประชาชนจะสนับสนุน

นั่นเป็นทางหนึ่งที่เป็นทางออกได้

แต่รัฐบาลไม่กล้าให้ทำเพราะเกรงว่าจะเสียเวลาและประชาชนไม่เอาด้วย อ้างว่ามีการทำประชาพิจารณ์มาแล้ว

คิดแค่ว่าทำความเข้าใจว่าไม่ใช่ "กาสิโน" ก็พอแล้ว

ก็ลองเดินหน้าต่อไปสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม