มีโอกาสติดตามทีมงาน Front page ของไทยรัฐกรุ๊ป ไปสัมภาษณ์เจ้าสัวยังหนุ่ม ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานคณะกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่อาคารของทรู ดิจิทัล พาร์ค วันก่อน ได้ข้อคิดกลับมาเล่าให้ฟังมากมาย

เริ่มตั้งแต่ที่เจ้าสัวศุภชัย เล่าให้ฟังว่า อาคาร 200 แห่งของเครือซีพี และทรู ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนใดๆ จากกรณีแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดซึ่งเกิดขึ้นในเมียนมา และส่งพลังงานรุนแรงมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครเลย ตรวจสอบดูสิ่งต่างๆ ภายในอาคารที่อยู่รอบๆ ตัว ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เช่น ไม่มีชิ้นส่วนของการตกแต่งในอาคารเกิดความเสียหาย หรือร่วงหล่นตกลงมาแตก หรืออยู่ระหว่างการซ่อมแซมเลย...ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี

เจ้าสัวศุภชัย ยังย้ำด้วยว่า เขาได้สั่งการให้วิศวกรอาคารทั้งหมดเข้าตรวจสอบความเรียบร้อย และเพิ่มความแข็งแกร่งของอาคารทุกแห่งเข้าไปอีกสองเท่าเผื่อเกิดมีแผ่นดินไหว หรือรอยเลื่อนจากที่ใดใกล้ๆ ประเทศไทยขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวขึ้นมาอีก


“วันนั้น เราประชุมกันอยู่ที่ชั้น 34 คุณพ่อ (เจ้าสัวธนินท์) และ สว. (กรรมการผู้สูงวัย) อยู่ด้วยหลายคน เรารับรู้การสั่นไหวของอาคาร จึงตัดสินใจพาคุณพ่อ และ สว. ทุกท่านค่อยๆ ลงบันไดกันมา แต่ลงมาได้เพียงไม่กี่ชั้น ถึงชั้นที่ 21 สว. หลายท่านไม่ไหว ส่วนคุณพ่อ (อายุ 86 ปี) ท่านว่ายน้ำทุกวัน จึงไม่ค่อยมีปัญหา

…การเดินลงมาทางบันได ใช้เวลาพอสมควร จนน่าจะใช้ลิฟต์ได้เลย จึงสอบถามฝ่ายอาคารดู พอดีเขาเปิดให้ใช้ลิฟต์ได้ จึงพาท่านต่างๆ เข้าลิฟต์ลงมาจนถึงชั้น G สำเร็จ และทุกท่านปลอดภัย ในขณะที่อาคารของเรา ไม่มีความเสียหายใดๆ”

...


เจ้าสัวศุภชัย ให้เวลาพูดคุยกับพวกเราอยู่นาน กระทั่งมาถึงเรื่องของ “ภาษีทรัมป์” เขาจึงบอกว่า รัฐบาลน่าจะชวนนักธุรกิจในหมู่พวกเราหลายคนที่มีความรู้ความชำนาญเรื่องการค้า และภาษีนำเข้าในประเทศต่างๆ ไปร่วมกันหาทางออกด้วย จะได้รับคำตอบ และผลของการเจรจาที่น่าจะดีกว่าไปกันแบบเดี่ยวๆ 

“สิ่งสำคัญคือ นโยบายของรัฐบาลต่อการเจรจาต่อรองเรื่องกำแพงภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นั้น มีความชัดเจนในประเด็นต่างๆ เพียงไร... ผมคิดว่า การเจรจาที่ดี น่าจะทำให้ประเทศไทยเรา เสีย 1 แต่ได้กลับมา 10 เช่น โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ โครงการนี้ ผมเห็นด้วยว่า Sea Sand Sun ไม่พอแล้วสำหรับการจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศเพิ่มมากขึ้น ในความเป็นจริง เราควรยอมรับว่า ต้องมีสิ่งที่เป็น Man Made ซึ่งก่อกำเนิดจากความคิดสร้างสรรค์ของคนในประเทศ 


รัฐบาล รวมถึงภาคเอกชนไทยในประเทศด้วย เราทำโครงการนี้ โดยมีกาสิโนที่มีกฎกติกาเข้มงวดเหมือนสิงคโปร์ ก็จะนำเงินตราเข้าประเทศได้อย่างมหาศาลโดยที่ประเทศ และคนไทยได้รับประโยชน์อย่างจริงจัง ภาคธุรกิจเอกชนก็สามารถขายสินค้า และทำธุรกิจท่องเที่ยวต่อเนื่องกันได้ ในขณะที่คนในพื้นที่จะมีงาน และมีรายได้เพิ่มขึ้น”


เขายังเห็นด้วยกับโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งน่าจะเชิญชวนนักธุรกิจจากสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากการค้าขายสินค้ากับสหรัฐฯ มีมูลค่าสูง หากสามารถสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างอ่าวไทย ข้ามไปยังฝั่งอันดามัน การขนส่งสินค้าทางเรือก็จะสามารถลัดเส้นทางซึ่งต้องอ้อมมาเลเซีย ตัดเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้ในเวลาอันรวดเร็ว หนำซ้ำยังจะเดินทางไปไหนต่อไหนได้อีกมากมาย การยกสินค้าจากฝั่งอ่าวไทยขึ้นสะพานมายังฝั่งอันดามัน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อสมัยใหม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าให้เลือกมากมาย 


นี่คือ สิ่งที่เจ้าสัวศุภชัยบอกเราว่า ไทยอาจเสีย 1 แต่จะได้ผลประโยชน์กลับมาเป็น 10 รายการ คิดได้อย่างนี้แล้ว จะเห็นว่ามีหลายเรื่องทีเดียวที่เราอาจนำเสนอให้นักลงทุนของเขาเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องพลังงานสะอาด ซึ่งควบคู่ไปกับการลงทุนสร้าง Data Center


เจ้าสัวศุภชัย กล่าวว่า ธุรกิจของซีพีกรุ๊ป โชคดีที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ อยู่แล้ว โดยซีพีกรุ๊ป มีโรงงานผลิต และแปรรูปอาหารอยู่ในมลรัฐต่างๆ 3 แห่งด้วยกัน เพียงพอจะอธิบายได้ว่า เขาเป็นกลุ่มนักลงทุนตัวจริง 


“ส่วนที่เห็นว่า สหรัฐฯ น่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทย ก็คือ ให้เขาเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กๆ ซึ่งสหรัฐฯ มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปกว่าประเทศต่างๆ มากพอสมควร... มันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งต้นทุนต่ำกว่า และผลิตกระแสไฟจ่ายให้ประชาชนคนไทยได้มากกว่า และถ้าเศรษฐกิจขยายตัวจากข้อเสนอการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาล ที่สุดการขยายการให้บริการในระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็จะต้องมีมากขึ้น นี่เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ไทยอาจจะเสียเพียง 1 แต่จะได้ 10 กลับมา”


ฟังอย่างนี้แล้ว ให้นึกไปว่า ถ้ามีนักการเมืองหัวก้าวหน้า หรือนักธุรกิจแบบเดียวกันนี้เข้าไปร่วมบริหารราชการแผ่นดินด้วยสักจำนวนหนึ่ง ประเทศไทยน่าจะก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้!