“นายกฯ แพทองธาร” เผย เงินหมื่นเฟส 3 ดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่เข้า ครม.วันนี้ ต้องฟังข้อมูลรอบด้าน ยังไม่ฟันธงจะเลื่อนหรือไม่ ยกเลิกหรือไปต่อ ส่วนปมกำแพงภาษี ยังมีเวลาคุยสหรัฐฯ ตามกรอบ 90 วัน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ประเด็นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เงินหมื่นเฟส 3 ยังไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ยังอยู่ในส่วนของการรวบรวมความคิดเห็น เพราะมีเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทางสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความเห็นเข้ามาแน่นอนว่าเรารับฟังอยู่แล้ว แต่ความตั้งใจเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามาเราต้องดูว่าอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเราได้ เราต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้รู้จากทุกหน่วยงาน

ในประเด็นคำถามว่ามีกระแสข่าวรัฐบาลจะยกเลิกโครงการดังกล่าวในส่วนที่เหลือ เพื่อเตรียมงบประมาณรับมือกำแพงภาษีสหรัฐฯ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เรายังไม่ได้มีมติจะยกเลิกใดๆ แต่อยู่ในส่วนรับฟังความคิดเห็น ก็ต้องฟังให้ครบก่อนว่าความจำเป็นมีมากแค่ไหนในเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินก้อนนี้สามารถทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดของคนทั้งประเทศ อันนี้คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด เราต้องมองเป้าหมายว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สุดท้ายเมื่อดูความเห็นทั้งหมดออกมาว่าอย่างไร อันนี้ไม่สามารถเป็นฝ่ายบริหารฝ่ายเดียวที่จะบอกว่าเราตัดสินใจแล้วทำได้เลย ต้องดูเรื่องอื่นประกอบด้วย แต่ยืนยันว่าขณะนี้โครงการยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ทำคือเรารับฟังความคิดเห็นอยู่

...

ผู้สื่อข่าวถามต่อ เงินหมื่นเฟส 3 จะชะลอไปก่อนหรือเป็นตามกำหนดการเดิม น.ส.แพทองธาร ตอบว่า อันนี้เรายังฟังความคิดเห็นไม่ครบ มันมีปัจจัยอื่นแทรกเข้ามาเรื่องของภาษี จึงต้องรอก่อนว่าหากรับฟังความคิดเห็นครบจะทำอย่างไรต่อถึงกำหนดได้ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราต้องได้ข้อมูลครบก่อนถึงจะแจ้งได้ ถ้าให้พูดไปเลย รับปากอย่างนี้อย่างนั้นมันไม่ได้ เพราะกำลังรอรับฟังความคิดเห็นอยู่

เมื่อถามอีกว่าหากไม่ได้เดินหน้าโครงการนี้ต่อจะกระทบรัฐบาลหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ตอบว่า อันนี้ต้องปรับความเข้าใจ เพราะมีปัจจัยที่เข้ามาแบบที่เราไม่คาดคิดทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศเรา ต้องฟังกันด้วยเหตุและผล แน่นอนว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนอย่างไร ต้องมีคำอธิบายจากรัฐบาลแน่นอนอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่เคยพูดเรื่องดีลลับการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ จะมีผลอย่างไร ตอนไหน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรามีกำหนดจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว 90 วัน เราไม่หลุดกรอบอยู่แล้ว แต่ว่าในการดีลลับต่างๆ การพูดคุยในรายละเอียดเราทำต่อเนื่อง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และในเรื่องของดีลลับที่ว่ามันต้องมีในส่วนที่เปิดเผยได้และยังไม่เปิดเผย ไม่มีทั้งหมดที่จะเป็นความลับอยู่แล้ว เราต้องดูเรื่องของจังหวะเวลาด้วยว่าควรปล่อยในหัวข้อต่างๆ ช่วงไหน เพราะเราต้องบอกและอธิบายช่วงที่เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ ไม่ใช่ถึงเวลาบอกเลยหรือปิดเลยมันทำไม่ได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าได้พิจารณาปัจจัยที่สหรัฐฯ ยังไม่ให้ไทยเข้าไปเจรจาหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวตอบว่า ล่าสุดที่ได้คุยกับทีมงานของสหรัฐฯ สิ่งที่เขาเพิ่มเติมเราเอามาเพิ่มได้พูดคุยไปแล้ว คิดว่าน่าจะครอบคลุมแล้วในสิ่งที่เราจะพูดกับสหรัฐฯ และเขามีกรอบ 90 วัน ตอนนี้ถ้าดูความเคลื่อนไหวของทางนั้นเขายังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ในเรื่องของแต่ละประเทศและความคิดใหม่ๆ เรารอดูและปรับแผนเราเรื่อยๆ อยู่แล้ว.