เลขาธิการสภาฯ แจง ของบมโหฬารปรับปรุงพื้นที่รัฐสภา ยัน ได้รับความเห็นชอบจากประธานสภาฯ แล้ว ยันไร้โรงหนัง แค่ปรับระบบเสียง-ภาพในห้องสารนิเทศ ส่วนศาลาแก้ว เตรียมปรับโฉมใหญ่ติดแอร์ต้อนรับแขกต่างประเทศ
วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การของบประมาณปรับปรุงพื้นที่อาคารรัฐสภาในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในหลายรายการถูกมองฟุ่มเฟือย ไม่มีความจำเป็น ว่า จุดเริ่มต้นการของบประมาณปรับปรุง มาจากหลังจากการรับมอบงานอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 มองว่าการใช้พื้นที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นความเห็นชอบร่วมกันระหว่างประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาฯ ประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหารสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นตรงกัน จึงเป็นที่มาของการเสนอของบประมาณเป็นโครงการเพิ่มเติมของรัฐสภาในรายการงบประมาณรายจ่ายปี 2569
อย่างในส่วนพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ที่ของบประมาณ 42 ล้านบาท และมีงบผูกพันถึงปี 2570 อีก 90 ล้านบาท รวม 120 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องที่สำนักวิชาการเสนอมา เนื่องจากปัจจุบันเรามีพื้นที่ทำพิพิธภัณฑ์อยู่แล้วที่บริเวณชั้นใต้ดิน กับชั้น 11 แต่ยังไม่มีตัวพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้ผู้มาเยี่ยมชมรัฐสภาได้เข้ามาชม จึงมีโครงการทำตัวพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อไปว่า ส่วนโรงภาพยนตร์ 4D มูลค่า 180 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่ตัวโรงภาพยนตร์ แต่เป็นการปรับปรุงห้องสารนิเทศที่เวลาคนมาเยี่ยมชมรัฐสภา ฝ่ายประชาสัมพันธ์จะนำมาที่ห้องสารนิเทศเพื่อแนะนำข้อมูลอาคารรัฐสภา จะมีการฉายระบบถ่ายทอดเสียง ระบบภาพต่างๆ ผ่านจอให้ชม ดังนั้น สำนักอาคารและสถานที่จึงเสนอปรับปรุงระบบถ่ายทอดเสียงและภาพในห้องสารนิเทศใหม่ให้มีความทันสมัย ไม่แน่ใจว่าให้เทียบได้กับระบบ 4D หรือไม่ เป็นการปรับปรุงระบบเท่านั้น แต่ไม่ใช่โรงหนังแน่นอน
...
ขณะที่ศาลาแก้ว ที่ของบประมาณปรับปรุง 123 ล้านบาท ทั้งที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานนั้น แม้ปัจจุบันศาลาแก้วยังไม่เปิดใช้งาน เพราะอยู่กลางแจ้ง สภาพอากาศร้อน แต่อนาคตจะเปิดใช้งาน จะปรับปรุงเป็นระบบห้องแอร์ ใช้ในการรับรองแขกต่างประเทศเวลามาเยี่ยมรัฐสภา จำเป็นต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ฝ่ายค้าน เตรียมตัดงบประมาณส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมสภาฯ จะตัดหรือไม่ แต่ยืนยันว่าโครงการต่างๆ ที่เสนอไป ผ่านการพิจารณาเห็นชอบร่วมกันจากหลายฝ่ายแล้ว.
(ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)