“คุณหญิงสุดารัตน์” ชี้ ครบ 1 เดือนเหตุตึก สตง. ถล่ม เป็นภาพสะท้อนปัญหาทุจริตเรื้อรัง ต้องจัดการฝีเน่าอย่างจริงจัง เรียกร้องสร้างการเมืองสุจริตเพื่อหยุดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย
เมื่อเวลา 11.31 น. วันที่ 26 เมษายน 2568 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า พรุ่งนี้ครบ 1 เดือนตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งคือภาพสะท้อนของฝีเน่าที่อยู่ทั่วร่างกายประเทศไทย คือสัญลักษณ์ของการทุจริตที่ฝังรากลึกในทุกระดับ ตั้งแต่ข้าราชการระดับล่างจนถึงนักการเมืองระดับสูง ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสียอีกครั้ง ไม่มีใครควรต้องสังเวยชีวิตจากการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ เหตุการณ์นี้ไม่ควรเป็นเพียงแค่โศกนาฏกรรมที่ถูกลืม แต่ควรเป็นหมุดหมายแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่เราทุกคนจะไม่ยอมให้ความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยเฉพาะเมื่อรากเหง้าคือการทุจริต
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุต่อไปถึงการทุจริตตัวทำลายประเทศ ว่า ประเทศไทยติดหล่มการทุจริตมานาน จนวันนี้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการเติบโตของประเทศ จากรายงานดัชนีคอร์รัปชันโลก (Corruption Perceptions Index: CPI) ประจำปี 2023 ประเทศไทยได้คะแนนเพียง 34 จาก 100 คะแนน รั้งอันดับ 101 ของโลก ต่ำกว่าแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย (อันดับ 57), เวียดนาม (77) รูปแบบของการทุจริตในประเทศไทย มีทุกระบบ เช่น
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ไม่โปร่งใส จากรายงานขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ปัจจุบันมีการเรียกผลประโยชน์จากโครงการรัฐสูงถึง 20-30% ของวงเงินงบประมาณ
...
การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทุจริต รีดไถประชาชนของข้าราชการบางส่วน เราจึงเห็นบ่อนอยู่ข้างโรงพัก ยาบ้าขายเกลื่อนเมือง สินค้าและธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาแย่งอาชีพคนไทย โดยไม่ต้องทำตามกฎหมายไทย ขณะที่คนไทยโดยเฉพาะคนตัวเล็ก ถูกรีดไถสารพัดรูปแบบจากผู้มีอำนาจ
ทุจริตเชิงนโยบาย โครงการประชานิยมเพื่อคนตัวเล็ก แต่กลับแฝงการแสวงหาประโยชน์ เช่น โครงการรับจำนำ หรือประกันราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งโครงการใหญ่ที่ไม่มีการศึกษาผลกระทบ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เช่น โครงการเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่กำลังเป็นที่วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
ทุจริตเชิงอำนาจ เช่น การใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือองค์กรตรวจสอบการทุจริต ทำให้คนโกงสามารถลอยนวลอยู่ได้ทุกวันนี้
ทั้งนี้ ต้นตอของการทุจริตอยู่ที่การเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองด้วยการซื้อเสียง ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เงินในการซื้อเสียงมากที่สุดในประวัติการณ์ และคงไม่ได้หยุดแค่นี้ คาดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้เงินในการซื้อเสียงมากกว่าการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการซื้อตัว สส. ด้วยผลประโยชน์มหาศาล เพื่อให้ได้อำนาจ เป็นรัฐมนตรีแล้วถอนทุนคืนผ่านงบประมาณรัฐ ที่มีการเรียกเงินใต้โต๊ะสูงถึง 30% เป็นอย่างต่ำ เพื่อตุนเงินไว้ซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำลายประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
ประเทศไทยจะเดินหน้าไม่ได้ หากไม่ลงมือจัดการกับฝีเน่าการทุจริตอย่างจริงจัง ซึ่งต้องเริ่มจากผู้นำทุกระดับ โดยเฉพาะผู้นำประเทศ ต้องมีเจตจำนงทางการเมือง (Political Will) อย่างแน่วแน่ ในการปราบทุจริตอย่างจริงจัง และต้องลงมือทำทันที ที่สำคัญผู้นำต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ในการสร้างการเมืองสุจริต ผู้นำต้องกล้าเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง สร้างระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง และรายงานผลการดำเนินงานทุกขั้นตอนให้สาธารณะได้รับทราบในรูปแบบ Open Data เต็มรูปแบบ
อีกทั้งผู้นำต้องให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของประชาชน พร้อมรับฟังและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐ ผู้นำประเทศของเราได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเหล่านี้หรือไม่ ถ้าเรามีผู้นำที่มีความมุ่งมั่นในการจัดการปัญหาทุจริตอย่างจริงจัง จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในทุกระดับประเทศจึงจะพัฒนา และความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้
“การเมืองสุจริตต้องเริ่มจากการยืนหยัดอย่างแน่วแน่ เริ่มตั้งแต่การขจัดนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง ประชาชนต้องลงโทษนักการเมืองเหล่านี้ ด้วยการไม่เลือกให้มาเป็นตัวแทนของเรา ดิฉันจึงขอเชิญชวนทุกคน มาร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ การเมืองสุจริตที่ไม่เปิดช่องให้คนโกงอยู่เหนือกฎหมาย เพื่อเปิดทางให้ประเทศเดินหน้า และให้อำนาจประชาชนในการร่วมสร้างอนาคตประเทศอย่างแท้จริง เราต้องไม่ยอมให้ฝีเน่าทุจริตทำลายชีวิตคนไทยอีกต่อไป”