“เอกนัฏ” สั่งลุยไม่หยุด ล่าสุดทีมสุดซอยบุกรวบ 2 โรงงาน ลักลอบหลอมเหล็กเส้นแบบ IF เล็งส่งไม้ต่อดีเอสไอเป็นคดีพิเศษ ยึดเหล็กเส้นมูลค่า 11.5 ล้าน พร้อมผลักดัน 6 คนงานจีนกลับประเทศ เหตุไม่มีใบอนุญาตทำงาน
วันที่ 23 เมษายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทีมตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) เข้าตรวจสอบ บริษัท ชลบุรี สเปเชียล สตีล กรุ๊ป จำกัด ที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัทไทย-ทุนจีน โดยมีบริษัท เถิง เฟิง สตีล จำกัด เป็นผู้ลงทุนและมีสำนักงานอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ทางด้าน นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนบริเวณใกล้เคียงว่าทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ซึ่งทีมตรวจการสุดซอยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยเข้าตรวจสอบทั้ง 2 บริษัท และทำการยึดอายัดเหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน มูลค่ารวมกว่า 23 ล้านบาท และทาง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) ได้ยกระดับคำสั่งในส่วนของโรงหลอมให้หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดและให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน เพื่อขออนุญาตประกอบกิจการอีกครั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยยังคงลักลอบประกอบกิจการผลิตเหล็ก และปล่อยมลพิษจากเตาหลอมโลหะที่ใช้การเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความร้อนจนโลหะหลอมละลาย หรือเตาหลอมแบบ IF (Induction Furnace) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่งมีข้อสั่งการให้เสนอวาระเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เพื่อพิจารณายกเลิกการรับรองมาตรฐาน เนื่องจากการหลอมเหล็กแบบ IF ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้ เป็นเหตุสำคัญทำให้เหล็กตกคุณภาพ เช่นกรณี บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (SKY)
...
“ในขณะเข้าพื้นที่ก็พบว่ามีการหลอมเหล็กเพื่อผลิตเหล็กเส้นกันตามปกติและกำลังจะนำออกจำหน่าย เจ้าหน้าที่จึงสั่งการให้หยุดการผลิตและเข้ายึดอายัดเหล็กที่ผลิตเสร็จล็อตใหม่ และเหล็กที่อยู่ในกระบวนการผลิต รวม 115,480 เส้น น้ำหนักกว่า 582 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 11.53 ล้านบาท พร้อมดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งตามข้อมูลเบื้องต้นยังอาจเข้าข่ายคดีพิเศษ จึงจะเสนอให้ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษด้วย”
เบื้องต้น บริษัท ชลบุรีฯ จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 5,000 บาท จนกว่าจะหยุดประกอบกิจการ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานเหล็กเส้นอีกด้วย จึงเป็นเหตุแห่งการเพิ่มโทษอีกเท่าตัว หรือจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงฐานสมรู้ร่วมคิดในการผลิตและจำหน่ายเหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กำหนด อันเป็นเหตุให้เข้าใจผิดว่า เหล็กที่ผลิตจาก บริษัทเถิง เฟิงฯ เป็นเหล็กผลิตจากบริษัท ชลบุรีฯ ด้วย
ในส่วนของบริษัท เถิง เฟิงฯ จะถูกดำเนินคดีฐานทำผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานลักลอบติดเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีไว้เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังได้เข้าตรวจสอบคนงานภายในโรงงาน พบว่า มี 6 รายที่เป็นสัญชาติจีนและไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงได้จับกุมเพิกถอนวีซ่าและดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศทันที.