“ท็อป วราวุธ” ยกคำสอน “พ่อบรรหาร” ผูกพันธมิตรทุกพรรค ย้ำ ชาติไทยพัฒนาไม่แลกหมัดกับพรรคไหน ชี้ ปมเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีฯ หาเสียงกระทบกระทั่งเรื่องปกติ วันนี้ประชุมใหญ่สรุปผลงาน พม. 6 เดือน

วันที่ 19 เมษายน 2568 พรรคชาติไทยพัฒนา จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2568 โรงแรมสองพันบุรี จ.สุพรรณบุรี ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมือง จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีขึ้น เพื่อดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อรับรองการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง และการให้ความเห็นชอบงบการเงินของพรรคการเมือง โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วย นายประภัตร โพธสุธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขาธิการพรรค

สำหรับวาระการประชุมของพรรคชาติไทยพัฒนาในครั้งนี้ จะมีการแจ้งเพื่อทราบการดำเนินการตามแผนงานและโครงการที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี 2567 และแผนงานโครงการที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองประจำปี 2568 พร้อมพิจารณาให้ความเห็นชอบงบการเงินประจำปี 2567 และการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปี 2567 โดยการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งนี้ ไม่มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคการเมืองในตำแหน่งสำคัญๆ และนายวราวุธ ใช้โอกาสนี้ชี้แจงผลการดำเนินงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สมาชิกพรรคได้รับทราบ

สำหรับกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรค ที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค, นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรค, นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรค, นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค, นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง รองเลขาธิการพรรค, นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรค, นางนันทพร ดำรงพงศ์ รองเลขาธิการพรรค, นางพวงรัตน์ ชัยบุตร เหรัญญิกพรรค, นายพิสิษฐ์ พิทยฐากุลเจริญ นายทะเบียนสมาชิกพรรค, นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค, นายนพดล มาตรศรี กรรมการบริหารพรรค, นายสุรชัย ทิณเกิด กรรมการบริหารพรรค, นายอภิวัชร บัวพันธ์ กรรมการบริหารพรรค, นายพีระวัฒน์ พุ่มทอง กรรมการบริหารพรรค, นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ กรรมการบริหารพรรค, นายจองชัย เที่ยงธรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย, นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี, นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี, นายอุดม โปร่งฟ้า สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา

...

นายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคชาติไทยพัฒนา ในสนามการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 ว่า การเลือกตั้งยังอยู่อีกไกล แต่สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้เลยคือการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็คงจะเริ่มจัดประชุมกันในช่วงเดือนเมษายนนี้ ส่วนรายละเอียดการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ตนจะนำเสนอให้สมาชิกพรรคทราบถึงการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา ในการกำกับดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้รัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ตนมองว่าขณะนี้ได้ดำเนินงานไปในทุกมิติ แต่จะแตกต่างกันตามแต่ละงบประมาณที่ได้รับ จากนั้นจะเป็นการกล่าวถึงการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงบทบาทของกรรมาธิการชุดต่างๆ

ทั้งนี้ ในที่ประชุม นายวราวุธ แถลงผลงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568) หลังจากที่ได้แถลงนโยบายของกระทรวง พม. ไว้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ว่า หลังจากเข้าร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลนางสาวแพทองธาร พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวง พม. ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาล ในการเติมเงิน 10,000 บาท เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้คนพิการ และผู้สูงอายุ กว่า 2.1 ล้านคน การแก้ปัญหาวิกฤติประชากรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤติโครงการประชากร และวิกฤติสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวง พม. ตั้งศูนย์เร่งนัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน ที่คอยให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะในเรื่องสวัสดิการ ตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 9 ตุลาคม 2567 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบันมีผู้ขอใช้บริการกว่า 87,000 ราย พบปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมากที่สุด

นอกจากนี้ ยังทำให้กระทรวงได้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับหลักการแล้ว และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่รอเข้าวาระ ครม. ขณะที่ในช่วงเกิดภัยพิบัติอุทกภัยที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย กระทรวง พม. ได้ตั้งศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) รวมถึงยังได้ร่วมมือกับธนาคารโลกในการทำแผนที่เสี่ยงภัย

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. มี 9 โครงการหลัก ประกอบด้วย ยกระดับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ สร้างงานสร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สร้างหุ้นส่วนทางสังคมสู่สวัสดิการที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญ สื่อสาร-ประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสังคม และพัฒนาระบบ พม.ดิจิทัลและฐานข้อมูล และ พม. ยังได้ขับเคลื่อนการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนทุกช่วงวัย อีกทั้งมีการบรรเทาภาระทางการเงินให้ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง โดยมีสถานธนานุเคราะห์ (สธค.) เป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคม 47 แห่งทั่วประเทศ ฟรีดอกเบี้ย 1 เดือน และโครงการลดดอกเบี้ยช่วงเปิดภาคเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ นายวราวุธ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเอกภาพของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร หลังเทศกาลสงกรานต์แล้วจะเป็นอย่างไร ว่า เมื่อปิดสมัยประชุมสภาฯ ช่วง 3 เดือนนี้ สส.แต่ละพรรค จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน อุณหภูมิทางการเมืองคงเบาลง เพราะทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานในพื้นที่มากกว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดประชุมวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ก่อน หลังจากนั้นจะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพูดคุยเรื่องญัตติและพระราชบัญญัติต่างๆ

เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นที่มีการแลกกันคนละหมัด ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา มียุทธศาสตร์อย่างไรในการทำงานการเมืองในรัฐบาลนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า คุณพ่อบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เคยสอนเสมอว่ามีมิตร 100 คนก็น้อยเกินไป มีศัตรู 1 คนก็มากเกินไป ดังนั้น แนวทางการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ผ่านมาถึง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา พี่สาวของตน ยืนยันว่าเราเน้นในเรื่องการทำงานและการสร้างพันธมิตรทางการเมืองมากกว่า เพราะจะทำให้เราทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้มีประสิทธิภาพ ฉะนั้น เราคงไม่มีหมัดไปแลกกับใคร

ผู้สื่อข่าวถามต่อ เหมือนไผ่ลู่ลมใช่หรือไม่ นายวราวุธ ตอบว่า ผลงานของเราจะเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลว่าเราเดือดร้อนตรงไหน และมีสิ่งใดให้พรรคชาติไทยพัฒนาที่กำกับดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราก็ยินดีที่จะช่วยกันทุกพรรค แม้กระทั่งทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านในฐานะ สส. เพราะทุกคนก็ล้วนเป็นผู้แทนของประชาชน การทำงานของเราจึงเอาผลงานเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนดีกว่าเรื่องการเมือง

ในประเด็นคำถามถึงการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 ที่พรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครลงแข่งกันเองจะสร้างความขัดแย้งหรือไม่ เพราะมีการปราศรัยอาจจะมีการกระทบกระทั่งกัน นายวราวุธ มองว่าเป็นเรื่องปกติ การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมาอยู่ร่วมกันก็เหมือนการแต่งงาน ลิ้นกับฟันเป็นเรื่องปกติ แต่การเลือกตั้งสนามเล็กกับสนามใหญ่จะมีความละเอียดอ่อนแตกต่างกันไป ตนมั่นใจว่าเมื่อสนามเล็กจบแล้ว สนามใหญ่คงจะเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลจะมาพูดคุยกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลา แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น.