“ภูมิธรรม” ขอแยกแยะ ปมคดี “พีช สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์” ลูกชายนายกเบี้ยว แจง “ทักษิณ” ร่วมงานตามที่ถูกเชิญปกติ ย้ำ เป็นไปตามกฎหมาย เผย เตรียมสรุปยุทธศาสตร์แก้ไฟใต้หลังลงพื้นที่ 26-27 เม.ย.นี้
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 18 เมษายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดี นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น คลิปวิดีโอ ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ฝ่ายค้านพยายามจี้เรื่องนี้เพราะ นายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ก็ไปร่วมงานบวช นายสมิทธิพัฒน์ ด้วย โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้ไปงานลูกชายนายกเบี้ยวเพียงคนเดียว เวลาสมาชิกหรือใครก็ตามขอให้ไป ท่านก็ไป นายกเบี้ยว เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลูกชายคนโตก็เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในเมื่อ ส.ส. จะบวชน้องชาย ก็เชิญนายทักษิณในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร ก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดังนั้น การร้องขอให้ไปร่วมงานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นในทุกจุดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือญาติมีงานแต่งงาน มีงานศพ หรืองานบวช ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปมองเรื่องความสัมพันธ์พิเศษ เพราะทุกพรรคก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตนอยากให้แยกออกจากกัน อย่าไปจับแพะชนแกะ
...
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเช้าได้เห็นบางรายการเล่าข่าวและนำภาพนี้ออกมา พยายามสื่อว่ามีความสัมพันธ์พิเศษจนทำให้เกิดความกังวลใจ ตนคิดว่าทุกคนมีสิทธิกังวลได้ แต่ก็ต้องเชื่อมั่นว่าท่านไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ และได้พูดชัดเจนแล้ว ที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่ต้องเกรงใจว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับเรา ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่มั่นใจว่า นายสมิทธิพัฒน์ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่พ่อกับพี่ชายเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่
เมื่อถามว่าในแง่ของสังคมมีความเป็นห่วงในเรื่องการดำเนินคดีเพราะมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล นายภูมิธรรม ตอบว่า “ผู้มีอิทธิพลสร้างเหตุการณ์ที่มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้ว่าไปตามกระบวนการ จะไปบิดไปเบี้ยวก็อยู่ในสายตาของประชาชน พรรคการเมืองคงไม่ทำอย่างนั้น”
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังให้สัมภาษณ์ถึงการหารือระหว่าง น.ส.แพทองธาร และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วานนี้ (17 เมษายน) ที่ยังคงให้มาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ความจริงแล้วมาเลเซียทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการในการประสานให้เกิดสันติสุขอยู่แล้ว โดยไทยก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะใครก็ตามที่จะสามารถมาช่วยประสานหรือทำให้เกิดสันติสุขได้ก็ยินดี ซึ่งไทยก็ต้องการสร้างสันติสุขเช่นกัน ขณะนี้ไทยกำลังทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง ตนในฐานะที่รับผิดชอบโดยตรง ก็จะลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้วันที่ 26-27 เมษายน 2568 เพื่อพูดคุยกับ กลุ่มนักธุรกิจ นายอำเภอ ผู้กำกับสถานีตำรวจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หัวหน้าระดับผู้บังคับกองพัน จนถึงผู้การกรม โดยจะแยกการพูดคุยทีละกลุ่ม ตลอด 2 วันที่ลงพื้นที่
สำหรับการพูดคุยครั้งนี้อาจจะเป็นการคุยครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการประมวลสรุปสุดท้ายเพื่อนำมาพูดคุยกับงานยุทธศาสตร์และจะมีการสรุปรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องของคณะกรรมการการพูดคุยสันติสุขของฝ่ายไทย ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งแล้วว่าขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ของการกำหนด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ว่าจะเดินไปในด้านใด นอกจากนี้ ตนยังเตรียมการที่ประชุมการยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกใน 4 อำเภอพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังจากที่การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.สงขลา ได้มีมติให้พิจารณามาก่อนหน้านี้ ดังนั้น ขอย้ำว่าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไป.