“พิธา” ควงลูกสาวเล่นสงกรานต์เชียงใหม่ ให้กำลังใจทีมไทยแลนด์เจรจากำแพงภาษีทรัมป์ ย้ำ ห่วงสงครามอิหร่าน-อิสราเอลส่งผลกระทบไทย อวยพร “นายกฯ อิ๊งค์” ขอให้มีสมาธิ ความท้าทายกำลังมาแบบรวดเร็ว

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 12 เมษายน 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมน้องพิพิม ลูกสาว เดินทางมาที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีแฟนคลับและ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน รวมถึงผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในพื้นที่มารอต้อนรับ หลังไหว้พระเสร็จออกมาพบปะประชาชนที่มารอพบและขอถ่ายรูปด้วย ก่อนจะพาลูกสาวเดินเที่ยวกาดหมั้ว โดยได้มีการรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุจาก อ.สันป่าตอง ที่นำสินค้ามาขาย โดยทางผู้สูงอายุได้มีการผูกข้อมือให้กับนายพิธา และอวยพรขอให้โชคดีในเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่เมือง หลังจากนั้นได้เดินเที่ยวกาดหมั้ว

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้พาครอบครัวมาเที่ยวสงกรานต์เชียงใหม่ และถือโอกาสพบปะพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่เพื่อให้พี่น้องชาวเชียงใหม่หายคิดถึง และขออวยพรให้ปีใหม่ไทยให้พี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ ภาคเหนือ แล้วก็ทั่วประเทศไทย โชคดีมีความสุขทุกคน เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ปีนี้ แตกต่างจากปีที่แล้วหรือไม่ พิธา กล่าวว่า เพิ่งถึงยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็หวังว่าการท่องเที่ยวจะครึกครื้น เพราะที่ผ่านมาการท่องเที่ยวก็ไม่สดใสเท่าที่ควร เท่าที่คุยกับผู้ประกอบการ SME จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนมาเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานและมีความรับผิดชอบ ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยเล่นกันแบบพอประมาณ และใช้น้ำพอประมาณ เนื่องจากปัญหาภัยแล้งกำลังจะมาและต้องใช้น้ำสู้กับไฟป่าด้วย ส่วนใครที่ยังทำงานในวันปีใหม่ไทยก็ขอเป็นกำลังใจให้

...

ทางด้านคำถามว่าการเดินทางมาครั้งนี้เป็นช่วงที่ใกล้กับการเดินทางของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายพิธา บอกว่า คนละเรื่อง เพราะตนก็พาครอบครัวมา เขาก็พาครอบครัวมา ไม่เกี่ยวกัน และช่วงที่ผ่านมาตนเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ไม่ค่อยกลับประเทศในช่วงเทศกาลสำคัญ จึงเดินทางมาเที่ยวเพื่อให้หายคิดถึงประชาชน พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้มาช่วยผู้สมัครนายกเทศมนตรีและผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลหาเสียง เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคประชาชน ซึ่งงานรื่นเริงมาหาเสียงก็ผิดกฎหมาย ดังนั้น อยากจะขอให้คนอื่นๆ ใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ฉวยโอกาสนี้ ในการหาเสียง

ในช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวแซวว่าเสื้อลายดอกปีนี้ดอกใหญ่เป็นพิเศษ นายพิธา บอกว่าเป็นเสื้อตัวเดิมที่ใส่มาเล่นน้ำสงกรานต์เชียงใหม่ทุกปี ไม่ค่อยได้ซื้อชุดใหม่ เสื้อตัวนี้ใส่ตั้งแต่เป็น สส. ปีแรก ส่วนใครที่จำได้ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะได้ช่วยกันประหยัด เอาของใช้แล้วมาใช้ซ้ำ เหมือนนโยบายของผู้บริหารไทยรัฐทีวีที่เอาหนังสือ Sustainability มามอบให้ ทั้งนี้ ขณะเดินดูตามซุ้ม แม่ค้าได้ให้ถุงย่ามที่เป็นงานฝีมือของชนเผ่า รวมถึงร่มสันกำแพงสีส้มให้กับนายพิธา ซึ่งนายพิธาบอกว่าจะเอาไปให้ลูกสาวเอาไว้กันเวลาโดนฉีดน้ำใส่ และก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรมที่วัดเจดีย์หลวงนายพิธา ยังได้ร่วมปักตุงเจดีย์ทราย และขอพรในวันขึ้นปีใหม่ไทย ก่อนที่ในช่วงเย็นจะไปร่วมเล่นน้ำที่ถนนนิมมานเหมินท์

นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวถึงผลกระทบของไทยจากนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกา โดยเห็นว่าเป็นสถานการณ์มีความน่ากังวล รวมถึงสถานการณ์ในอิหร่าน ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมกับประเทศไทยเกี่ยวกับราคาน้ำมัน พร้อมตั้งคำถามถึงความพร้อมทีมเจรจาของรัฐบาลไทย และใช้โอกาสนี้อวยพรให้กำลังใจ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงทีมไทยแลนด์ที่จะไปเจรจาเกี่ยวกับภาษีสหรัฐอเมริกาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพราะมีความไม่แน่นอนเยอะ

แต่สิ่งที่จะฝากไว้นอกจากการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คือนอกจากเนื้อหาที่จะไปเจรจา ที่สำคัญกว่าคือบุคคลที่จะไปเจรจาด้วย โดยเฉพาะบุคคลที่นับว่าเป็นวงอำนาจโดยรอบการเจรจา ซึ่งหากยังไม่ทราบว่าบุคคลที่จะไปเจรจาด้วยเป็นใคร หรือเจรจาอะไร หรือทราบว่าบุคคลที่จะไปคุยด้วยคือใคร รู้วิธีการ รู้ว่าต้องทำอะไร ซึ่งอ้างอิงว่ามีเนื้อหาใน 6 อุตสาหกรรมใหญ่ที่ได้รับผลกระทบเยอะ เนื่องจากเป็นการส่งออกพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก ที่เป็นห่วงคือยางและข้าว โดยในการเจรจาของไทยคาดหวังว่าจะส่งตัวแทนภาคเอกชนไปด้วย

“ยาง 5% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่ง 30% ของยางไทยส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ หากเจรจาดีหรือไม่ดี หรือสำเร็จไม่สำเร็จ จะต้องเจรจาเป็นรายเซ็กเตอร์ และอย่างที่พูดไปคือสำคัญกว่าเจรจาเนื้อหาอะไร คือเจรจากับใคร รัฐมนตรีคลังคนนี้เคยทำงานให้กับโซรอสมาก่อน รัฐมนตรีพาณิชย์คนนี้ฮาร์เวิร์ด เวลาเจรจาบางคนจะมีการเจรจาแบบหนักหน่วง และคนที่จะไปในทีมไทยแลนด์ ใครทำหน้าที่อะไรจะต้องเริ่มคิดตั้งแต่ก่อนที่จะทรัมป์เป็นประธานาธิบดี แต่ตอนนี้ยังไม่รู้คิวไทยเมื่อไหร่แล้วจะไปอย่างไร และเราจะเอาอะไรไปเจรจาหรือเขาต้องการอะไร คนเจรจานอกจากประธานาธิบดีทรัมป์ และคนที่เป็นตัวแทนการค้า USTR มี 4-5 คน นั่งรอบทำเนียบขาวที่ต้องรู้ว่าแต่ละคนคือใคร หากรู้ก่อนหรืออ่านงานก่อน เมื่อเข้าไปในห้องเจรจาจะพอรู้ว่าจะมีการพูดอย่างไร และหวังว่าไทยจะให้ทีมภาคเอกชนไปด้วย”

นายพิธา ระบุต่อไปว่า จากคำแนะนำของคนไทยในทำเนียบขาวบอกว่า สิ่งที่น่ากังวลเรื่องเกี่ยวกับอัตราภาษีคือความไม่แน่นอน ซึ่งความต้องการของฝั่งโน้นยังไม่แน่ใจว่าต้องการลงทุนในประเทศใด อาจจะต้องการย้ายมาประเทศไทย แต่เจอภาษี 37% แต่ที่มาเลเซียกว่า 20% ทำให้นักลงทุนคิดว่าอยู่มาเลเซียอาจคุ้มกว่า

“ความไม่แน่นอนสำคัญกว่าอัตราภาษี และการเจรจาครั้งนี้ไม่ได้คุยเรื่องภาษีหรอก เป็นการคุยเรื่องอื่นที่เขาต้องการ แต่เรายังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้และให้ทีมไทยแลนด์ทำงานให้เต็มที่ เพราะมีเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากกว่าคือเรื่องอิหร่าน ที่คนไทยอยู่ในแวดวงการเมืองทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกาเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่น่ากลัวเรื่องเกี่ยวกับเจรจานิวเคลียร์ ตอนนี้อยู่ที่โอมาน หรือเรื่องอิสราเอลก็ดี นั่นคือราคาน้ำมันที่ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรง และช่องแคบในการขนส่งสินค้า ทำให้สินค้าแพง หากปัญหาสะสมกันหลายรอบก็จะส่งผลต่อ GDP ที่มีอยู่ 1 กว่าจะไม่เหลืออะไรเลย ขออนุญาตฝากให้กำลังใจรัฐบาลมากไปกว่าเรื่องที่สภาฯ ได้ทำไปแล้ว ส่วนตัวอยู่ที่โน่นพอได้ยินอะไรมาอยากจะฝาก”

นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวถึงเรื่องปัญหาการผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีน ก็นับเป็นอุปสรรคหนึ่งในการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องให้เลขาธิการสมาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาดูด้วย โดยไม่ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลได้คุยกับเลขาฯ สมช. หรือยังว่า เรื่องการเจรจาที่อิหร่านหากเกิดไม่สำเร็จและมีสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะได้รับผลกระทบต่อไทยอย่างไร และเรื่องต่างๆ ในการต่างประเทศ ซึ่งเท่าที่ทราบมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่ได้ไปด้วย นั่นจะทำให้เราไม่มีทางรู้ว่าคนที่ดูแลเรื่องความปลอดภัย หรือนโยบายเศรษฐกิจเป็นใคร ซึ่งการเจรจาเป็นเรื่องของเคมีและอารมณ์ในการรู้เขารู้เรา การเจรจานับว่ามีความซับซ้อน มีรายละเอียดและมีศิลปะมากกว่า จึงต้องให้กำลังใจทีมไทยแลนด์ ไม่ใช่แบ่งเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะเรื่องนี้ได้รับผลกระทบหนักมาก

เมื่อถามถึงเรื่องการให้คำแนะนำของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แก่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาถูกทางแล้วหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า ไม่แน่ใจมีการให้คำแนะนำกันหรือไม่ เป็นพ่อลูกกันคงจะมีการพูดคุยกัน แต่ชี้ว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ต่างจากสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าการเจรจาด้านเศรษฐกิจภายในมีความซับซ้อนมากกว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ควรจะมีการพูดคุยในการช่วยเหลือ SME ในประเทศ ซึ่งงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ที่จะดูแล SME ไม่แน่ใจว่าจะสามารถดูแลได้ดีแค่ไหน เพราะขณะนี้ก็ถูกผลกระทบจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกเข้ามา ที่สินค้าจีนหากซื้อไม่เกิน 40 ดอลลาร์ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่เห็นว่าปัญหากรณีภาษีทรัมป์ และสินค้าจีนเข้ามาพร้อมกันถือว่าเศรษฐกิจไทยโดนหนัก

“ต้องดูแลพื้นฐานเศรษฐกิจไทยให้ดี จะไปต่อยอดกาสิโนคือหลังคา แต่พื้นฐานคือเสาเข็มไทย จะพังทลายหมด ตอนนั้นจะมีหลังคาก็ไม่มีประโยชน์ ต้องเรียงลำดับความสำคัญ อวยพรให้นายกรัฐมนตรีมีทั้งสมาธิ มีทั้งความเป็นตัวของตัวเอง และคิดไปข้างหน้า เพราะความท้าทายที่กำลังเข้ามาในประเทศไทยมาแบบรวดเร็วกว่าที่ผู้นำคนไหนจะทำคนเดียวได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องให้เป็นคนที่มีสมาธิ คนที่สามารถเป็นตัวของตัวเองและมองไปข้างหน้าได้ เพราะมีอุปสรรครออยู่เยอะพอสมควร”

ภายหลังไหว้พระขอพรที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร นายพิธา ด้เดินทางบ้านเอื้ออาทร ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมกิจกรรมการแข่งขันทำลาบพื้นเมืองในงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งนายพิธา ได้เข้าร่วมชิมและถ่ายรูปตามร้านต่างๆ ที่มาประชันแข่งขันกัน โดยหนึ่งในเมนูพิเศษที่นายพิธาได้ลิ้มลองคือ ลาบอู่ หรือลาบหมูดิบ ด้วย.