กมธ.สภาฯ เรียก “ผู้ว่าฯ สตง.” แจงปมตึกถล่ม ชิ่งส่ง รองผู้ว่าฯ แจงแทน “สุทธิพงศ์” ยัน สตง. ทำงานยึดหลักกฎหมาย สั่งยกเลิกสัญญาจ้างเพราะล่าช้าแล้ว ดันถล่มพังก่อน ไม่เคยรู้เรื่องบริษัทจีนที่มาร่วมก่อสร้าง

วันที่ 10 เม.ย. 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นประธาน ได้เชิญ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ผู้ว่าฯ สตง. มาชี้แจง หลังเกิดปัญหาด้านภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ และถูกตั้งคำถามถึงเรื่องความโปร่งใส จากเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม แต่ปรากฏว่า นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าฯ สตง. ได้มอบหมายนายสุทธิพงศ์ บุญนิธิ และนางพิมพา วภักดิ์เพชร รองผู้ว่าฯ สตง. พร้อมคณะมาชี้แจงแทน และถือเป็นครั้งแรกที่ สตง. มาชี้แจงในเรื่องนี้

โดยนายสุทธิพงศ์ กล่าวว่า สตง. ยินดีชี้แจงเพราะต้องการนำเสนอข้อเท็จจริง และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถนนทุกสายวิ่งมาที่ สตง. แม้แมลงวันบินผ่านก็ด่าได้ วันนี้ขอพูดข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่พิเศษ ฉะนั้นการก่อสร้างทั้งหมดต้องจ้างออกแบบและจ้างควบคุมงาน ส่วนเรื่องการป้องกันแผ่นดินไหวต้องไปถามผู้ออกแบบ ซึ่งเขาก็บอกว่าดำเนินการแล้ว มีคนตั้งคำถามว่า มีคนแค่ 500 คนทำไมต้องสร้างตึกใหญ่โต คนที่พูดแสดงว่าไม่มีความรู้จริงๆ สตง. มีพนักงาน 4,000 คน จึงต้องสร้างตึกสูงแบบนี้ เห็นเมื่อไรก็เสียใจทุกครั้ง ตนยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างยึดหลักกฎหมาย ตั้งแต่จ้างผู้ออกแบบ มีการแต่งตั้งกรรมการจ้างออกแบบ ส่งหนังสือเชิญผู้ให้ 24 ราย แต่มายื่นข้อเสนอ 3 ราย จากนั้นคณะกรรมการพิจารณาตามเกณฑ์คะแนน พบว่า บริษัท บจก.ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบจก.ไมนฮาร์ท ประเทศไทย ได้รับคะแนน 91.12 คะแนน จึงอนุมัติจ้างออกแบบ ในวงเงิน 73 ล้านบาท จากนั้นคัดเลือกบริษัทควบคุมงาน คณะกรรมการได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการ จำนวน 19 ราย มีมา 5 รายที่ส่งข้อเสนอมา ระหว่างนั้น สตง. ได้ขอเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมด้วย แต่คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต แจ้งไม่คัดเลือกตึก สตง.เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม

...

นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างก็เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมบัญชีกลาง ที่มีผู้เข้าประกวดราคา 16 ราย แต่ “กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี” เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยไม่พบช่องว่า มีการฮั้ว และคำตอบที่ได้รับ คือบริษัทดังกล่าวมีทุน และเทคโนโลยีจากจีน โดยบริษัทนี้อ้างว่า ทำงานได้ แม้จะได้งบประมาณตามที่เสนอราคาไว้ ส่วนเรื่องเพื่อความโปร่งใส สตง. ได้ทำ MOU กับ ACT องค์การต่อต้านคอรัปชั่น ประเทศไทย เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบร่วมด้วย ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี สามารถขยาย 2 ครั้ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดและมีการปรับรูปแบบ แต่ผ่านมา 4 ปี เพิ่งสร้างได้ 33% เพราะผู้รับเหมาก่อสร้างมีปัญหาเรื่องทุน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ จึงมีมติบอกเลิกสัญญาไป เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 แล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอผู้มีอำนาจดำเนินการ แต่ปรากฏว่า ได้มาเกิดเหตุอาคารพังถล่มลงมาเสียก่อน สตง. ยืนยันว่า ไม่เคยรู้เรื่องบริษัทจีนที่มาร่วมก่อสร้าง เพราะอิตาเลียนไทยออกหน้ามาตลอด สตง. ยังดีใจว่า ได้บริษัทที่มีระดับเบอร์ 1 ของประเทศ มารับสร้างโครงการนี้ จากนั้นประธานในที่ประชุม ได้ขอเชิญสื่อมวลชน ออกจากห้องประชุมเนื่องจากต้องซักถามในประเด็นที่ละเอียดอ่อน