“นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” เผยไม่ขัดข้อง ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาศาล รธน. บอกเป็นธรรมดาถูกมองเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง แต่ยืนยันวางตัวเป็นกลางในการเมืองช่วงชิงอำนาจ

วัน 10 เม.ย. 2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์คอนเวนชั่น มีการจัดสัมมนาทางวิชาการเนื่องในวาระศาลรัฐธรรมนูญ ครบ 27 ปี หัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 บทบาทและความคาดหวัง” โดยมี นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในพิธีเปิด และคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมมนา นายนครินทร์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญตั้งมา 27 ปี ย่างเข้าปีที่ 28 เป็นศาลพิเศษตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ โดยมีระเบียบวิธีพิจารณาคดีที่ชัดเจน เชื่อว่าความคาดหวังของประชาชนมีมากขึ้น เพราะมีเรื่องร้องตรงมาจากประชาชนมากขึ้น ไม่เคยลดน้อยลง อีกมุมหนึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้โดดเดี่ยว อยู่ร่วมกับสถาบัน ทั้ง ครม. รัฐสภา องค์กรอิสระ การที่ยื่นเรื่องเข้ามา แสดงให้เห็นว่า มีความเชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญ สถาบันข้างเคียง ไม่ได้ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญหนักใจหรือไม่ ด้วยถูกมองว่า เป็นองค์กรที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการล้มล้างรัฐบาล เช่น ล่าสุด ส.ว. ประกาศว่า จะฟ้องจริยธรรม สภาฯ หากรับหลักการร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายนครินทร์ กล่าวว่า การที่องค์กรต่าง ๆ มีปัญหากันเอง และแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องหาองค์กรภายนอกเข้ามาช่วย และองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่สามารถช่วยได้ ก็มีแต่ศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ควบคุมความชอบด้วยกฎหมาย พิจารณาด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ยื่นร้องหรือไม่ หรือศาลมีอำนาจที่จะตัดสินเรื่องนั้นหรือไม่ หากไม่ใช่ ก็จะไม่ยื่นมือไปเกี่ยวข้อง

...

เมื่อถามย้ำว่าหนักใจหรือไม่ ที่จะต้องตัดสินคดีทางการเมือง ชี้ขาดผู้ดำรงตำแหน่งพ้นจากหน้าที่ นายนครินทร์ กล่าวว่า ความหนักใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องการเมืองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้พยายามบอกกับทุกคนว่า ศาลเป็นองค์กรควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ส่วนการตัดสินคดีทางการเมือง เป็นหน้าที่เสริมเท่านั้น แต่คนสนใจแค่อำนาจหน้าที่เสริม เช่น เมื่อไม่กี่วันศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีก็ตัดสินให้ประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะมีกลไกพิจารณา ซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้มาจากการเลือกตั้งทางตรงจากประชาชน ไม่ได้มาจากรัฐสภา ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง เป็นตัวอย่างให้เห็น

เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายมองว่ามีคนใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง นายนครินทร์ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะต่างฝ่ายต่างช่วงชิง แต่ศาลวางตัวเป็นกลาง ตั้งมั่นอยู่ในกฎกติกาศาลรัฐธรรมนูญ เวลามีคำร้องเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง ซึ่งมีคนส่งเข้ามาเยอะแยะ แต่ศาลก็จะดูว่าผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องหรือไม่ ถูกขั้นตอนหรือไม่ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายก็ตัดออก เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมาก็มีให้เห็น ในคำร้องที่ 1 ที่ศาลได้ออกเอกสารข่าวมา เขากลั่นแกล้งกันเต็มที่ เราก็ตัดออก ทั้งนี้ ตนไม่ขอให้รายละเอียดข่าว

เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์ กล่าวว่า เรื่องที่มาหากอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจุบันกฎหมายกำหนดว่าการสรรหาเห็นชอบต้องผ่านวุฒิสภา แต่มีที่มา 2 ส่วน คือผู้แทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง 2 คนก็ต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา และกรรมการสรรหาอีก 4 คน ก็ต้องผ่านวุฒิสภา

“ผมไม่ขัดข้องหากจะแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา แต่อย่างไรก็ตาม ควรที่จะมีองค์กรที่ให้การรับรองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่กรรมการสรรหาได้ลงมติไปแล้ว” นายนครินทร์ กล่าว