“นายกฯ แพทองธาร” ขอหัวหน้าส่วนราชการเรียกความเชื่อมั่น ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยช่วงสงกรานต์ 2568 ร่วมกันทำงานหนักเพื่อผ่านวิกฤติช่วงนี้ โวย ถูกเกมการเมืองบิดเบือน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุมจารุวัสตร์ ชั้น 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงเริ่มการประชุมว่า ดีใจที่ได้มาพบหัวหน้าส่วนราชการอีกครั้งหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งถือว่าหนักพอสมควรในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่จะต้องเป็นส่วนหน้าในการบริหารจัดการ ขณะนี้อยู่ในช่วงเคลียร์พื้นที่จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดเหตุการณ์
หลังจากนี้จะต้องช่วยกันอีกครั้ง โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเดือนเมษายนเป็นเดือนแห่งความสนุกสนานมีประเพณีสงกรานต์ โดยจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ ให้เดินไปต่อได้ ควบคู่กับการเคลียร์พื้นที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ส่วนการเยียวยารัฐบาลได้เนินการอยู่ ขณะเดียวกัน ยังได้เน้นย้ำตรวจสอบสาเหตุอาคารถล่ม โดยให้ทุกภาคส่วนหาสาเหตุอย่างเต็มที่ขณะนี้ดำเนินการอยู่ แต่ในภาคอื่นๆ จะต้องเดินหน้าในเรื่องของสงกรานต์และการสร้างความเชื่อมั่น และการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

...
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่เป็นประเด็นสร้างความเข้าใจผิดอยู่ในขณะนี้ ว่า มีการบิดเบือนในคำพูดสถานบันเทิงครบวงจรคือกาสิโน ซึ่งสิ่งที่ถูกกฎหมายของกาสิโน คือถูกกฎหมายที่ถูกในสถานบันเทิงครบวงจร ไม่ใช่ประเทศไทยเปิดบ่อนอย่างถูกกฎหมายในพื้นที่ใดก็ได้ การสร้างสถานบันเทิงครบวงจรมีกาสิโนเพียงร้อยละ 10 ในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่นายเอ นายบี หรือนายซี จะไปเปิดกาสิโนได้หมดทุกคน หรือประเทศเต็มไปด้วยกาสิโนทั้งหมด เรื่องนี้ไม่จริง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นเกมการเมือง และบิดเบือนความหมายเจตนาของสถานบันเทิงครบวงจร เพราะนโยบายนี้ถือว่าอยู่ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลอยู่แล้ว หวังว่าจะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ๆ หรือทางออกใหม่ๆ ที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เพิ่มทักษะที่สูงขึ้น เช่น หากมีสถานบันเทิงครบวงจร 1 แห่ง มีโรงแรม มีอาหาร ก็ต้องมีการเพิ่มทักษะของคนไทยให้สูงขึ้น และจะมีการจ้างงานกว่าพันตำแหน่ง มีการก่อสร้างสเตเดี้ยมที่ใหญ่ขึ้น จะเกิดการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ จากคนไทยทั้งหมด รวมถึงการตกแต่งภายในโรงแรม การทำอาหารที่ใช้สินค้าไทย ซึ่งภาพรวมทั้งหมดจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก้อนใหญ่ไปข้างหน้า

พร้อมมองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถูกมองไปแค่ประเด็นกาสิโน ย้ำว่ากาสิโนไม่ได้เกิดขึ้นทุกที่ แต่จะอยู่ในสถานบันเทิงครบวงจรเท่านั้น ที่สามารถจะเอาเงินเหล่านั้นหมุนในการคืนทุนการก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรขนาดใหญ่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยสื่อสาร ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนประเทศให้เป็นประเทศกาสิโน ทั้งนี้มองว่าคนที่เล่นการพนัน เล่นในพื้นที่ถูกกฎหมายหรือไม่ มีการจ่ายภาษีให้รัฐหรือไม่ มียาเสพติดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย และไม่ได้ถูกเอามาดูแล ซึ่งก็มีเรื่องนี้อยู่นี้ ดังนั้น ก็ต้องดูด้วยว่าประเทศไทยจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าไปในด้านใดได้บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอย่างเต็มพลัง นำตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาเพื่อขับเคลื่อนทุกภาคส่วนด้วยสิ่งที่ไทยมีอยู่แล้วให้เกิดความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น หลังจากประสบภัยธรรมชาติ ดังนั้นต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน และขอฝากทุกหน่วยงานว่ารัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนทุกภาคส่วนอยู่แล้ว และปีนี้ขอให้ทุกคนพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 2-3 วันนี้ ก่อนเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น ขอให้กำลังใจทุกคนในการทำหน้าที่

ต่อมาเวลา 12.55 น. นายกรัฐมนตรีโพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงประชุมหัวหน้าส่วนราชการในวันนี้ว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้สื่อสารกับทีมรัฐบาลทุกท่านถึงวิกฤติประเทศที่กำลังเผชิญ และเราจะร่วมกันทำงานเพื่อผ่านวิกฤติเหล่านี้ไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวและการขึ้นภาษีสินค้าไทยของสหรัฐฯ แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการทำงานของพวกเราทีมรัฐบาล จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและทุกท่านในที่นี้ ซึ่งเป็นกำลังหลักของรัฐบาล หาทางออกร่วมกันเพื่อพาประเทศก้าวผ่านเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ไปได้
ในอดีตที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการเป็นหนึ่งในความได้เปรียบและเป็นอุตสาหกรรมแห่งความหวัง ในฐานะเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาเสมอ จึงอยากขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาผนึกกำลังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ทั้งจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและความกังวลเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นลำดับแรก ทั้งการตรวจสอบอาคาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และสื่อสารข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกปลอดภัยในการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความยั่งยืนของการท่องเที่ยวและบริการในระยะยาว ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เร่งรัดการส่งเสริมเมืองรองเป็นเมืองน่าเที่ยวให้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดทั้งปี รวมถึงการจัดทำแผนยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวในรูปแบบพรีเมียมมากขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว (Spending per Head) ไม่ต่ำกว่า 45,000 บาท/คน/ทริป และกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชน ตลอดจนจัดทำแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวภาพใหญ่เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงการแพทย์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐบาล ข้าราชการ และทุกภาคส่วนจะร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อผ่านวิกฤติเหล่านี้ไปด้วยกัน.

