หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย วอนนายกฯ เร่งแก้ปัญหาการขึ้นภาษีของ “ทรัมป์” ด่วน อย่ารอประชุม 8 เมษายน ย้ำต้องเร่งตั้ง Special Task Force “แพทองธาร” ต้องนั่งเป็นประธานเอง แนะใช้สภาฯ นำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อน แซงคิวกฎหมายเปิดบ่อนพนัน
วันที่ 6 เม.ย. 2568 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าเรื่องการขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นปัญหาใหญ่ที่จะกระทบทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อรายได้ของธุรกิจทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และอาจจะกระทบ GDP สูงถึง 1.2% ที่ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังย่ำแย่อยู่แล้ว อาจจะต้องเข้าสู่สภาวะถดถอย ประชาชนจะยากจนลงอีกมาก ขณะที่หนี้สินทั้งของประชาชนและของประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวอีกว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสระดมองค์ความรู้ของทุกภาคส่วนภายในประเทศ ทั้งภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภา SMEs ตัวแทนเกษตรกร นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการฯลฯ รวมทั้ง ส.ส. ฝ่ายค้าน และ ส.ว. มาร่วมแก้ปัญหา
รวมทั้งควรจะแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของทรัมป์เช่นกัน โดยใช้เวที “อาเซียน” ในการหารือเร่งด่วนกับมิตรประเทศในอาเซียน เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการเสนอข้อต่อรองไปยังสหรัฐอเมริกา โดย “ใช้พลังของอาเซียนในการต่อรอง”
“ดิฉันขอเสนอให้รัฐบาลได้ใช้ “รัฐสภา” เป็นเวทีระดมความคิดเห็น ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการประชุมสภา นำเรื่องการขึ้นภาษี Reciprocal Tariff ของประธานาธิบดีทรัมป์ แทนการเร่งรัดนำเรื่องเอ็นเทอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนเรื่องมาตรการปกป้องความเสียหายต่อคนไทยและสังคมไทย จนหลายฝ่ายกังวลว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”
...
นอกจากนั้นก็ยังมีความเห็นแย้งจากกลุ่มผู้นำทางสังคมหลากหลายองค์กร ที่รัฐบาลควรจะใช้เวลาในระหว่างปิดสมัยประชุมสภา ปรึกษาหารือกับองค์กรต่างๆ นำไปปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดควรจะทำ “ประชามติ” เปิดโอกาสให้ประชาชนเจ้าของประเทศเป็นผู้ตัดสินใจต่อโครงการที่มีความเสี่ยงต่ออนาคตของคนไทยอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้
ดังนั้นรัฐบาลต้องทบทวนการทำงาน ลำดับความสำคัญว่าอะไรคือปัญหาเร่งด่วน ซึ่งกฎหมายเอ็นเทอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ถ้าเทียบกับเรื่องความเสียหายจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โดยประเทศไทยต้องเร่งเจรจาแก้ไข และหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยโดยด่วนที่สุด”