“ภูมิใจไทย” ทำบุญครบรอบก้าวสู่ปีที่ 17  แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลร่วมแสดงความยินดี “อนุทิน-สรวงศ์” โชว์หวาน ประสานมือรูปหัวใจ มั่นใจอยู่ครบวาระ 4 ปี ด้าน “อนุทิน” ปลื้มฉายาพรรคสีน้ำเงิน ได้ฤกษ์เปลี่ยนโลโก้พรรคเป็นสีน้ำเงินล้วน

วันที่ 6 เมษายน 2568 พรรคภูมิใจไทยจัดงานครบรอบก่อตั้งพรรคก้าวสู่ปีที่ 17 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธศาสนา ซึ่งบรรยากาศปีนี้สุดคึกคัก มีตัวแทนจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลมาเข้าร่วมแสดงความยินดี โดยพรรคเพื่อไทยมอบให้นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคมาร่วมแสดงความยินดี ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชาในฐานะหัวหน้าพรรคเดินทางมาด้วยตนเอง

...

นายสรวงศ์ กล่าวว่า มาเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความยินดีและอวยพรให้กับนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระหว่างนั้นนายอนุทินได้เดินมาหานายสรวงศ์ พร้อมกับเอามือมาประสานมือนายสรวงศ์เป็นรูปหัวใจและพูดว่าอย่างที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลจะต้องประคองและทำงานร่วมกันไปจนครบวาระ

เมื่อถามย้ำว่าอะไรที่มีความเห็นแตกต่างยังพอไปด้วยกันได้ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ขนาดพี่น้องคลานตามกันมายังเห็นไม่ตรงกันเลย แต่นี่อยู่ในการเมือง และทุกพรรคการเมืองมีจุดยืนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างมีการพูดคุยทำความเข้าใจกัน เมื่อร่วมรัฐบาลกันแล้วทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกันได้

โว 16 ปี ไม่มีสะดุด

จากนั้นมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 โดยมีวาระสำคัญคือ การแก้ไขข้อบังคับพรรคภูมิใจไทย และเปลี่ยนโลโก้พรรคเป็นสีน้ำเงินล้วนทั้งหมด โดยนายอนุทินกล่าวถึงการเปลี่ยนสีตราสัญลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทย ว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอายุครบ 16 ปี เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองและการบริหารมาแล้วทุกรูปแบบ ในทุกสถานการณ์การเมือง ไม่ว่าอยู่สถานการณ์ใด พรรคภูมิใจไทยสามารถบริหารจัดการพรรค ดูแลสมาชิกพรรคและดำเนินงานทางการเมืองมาได้โดยไม่มีสะดุด ไม่มีหยุดพัก

จงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลง

“แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลงและยังคงยึดมั่นเป็นอุดมการณ์สูงสุด เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนภูมิใจไทยไว้ได้ก็คือความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งมีความมั่นคง ไม่มีเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ หล่อหลอมพรรคภูมิใจไทยและสมาชิกพรรคภูมิใจไทยมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งถูกเรียกว่าเป็นพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเราถือว่าเป็นการให้เกียรติต่อพรรคภูมิใจไทย และเป็นการแสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชน สื่อมวลชน ยอมรับและสัมผัสได้ถึงอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทย และจิตวิญญาณของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ตลอดจนองค์กรเครือข่ายที่ร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย อาทิ องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ”

พร้อมระบุด้วยว่า สีน้ำเงินหมายถึง ความสงบ ความสันติ และความสามัคคี

สีน้ำเงินหมายถึง ความเข้มแข็ง ความมั่นคง ความหนักแน่น และความเป็นปึกแผ่น

สีน้ำเงินหมายถึง ความมีสติ ความมีเหตุผล ความสุขุม นุ่มลึก ไร้ริษยา ความเยือกเย็น และความอบอุ่น

สีน้ำเงินคือ สีบนธงชาติไทย และเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์

ความหมายของสีน้ำเงินถูกต้องตรงกับบุคลิกลักษณะและอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทยทุกประการ

ดังนั้น วันนี้ พรรคภูมิใจไทยโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคจึงมีมติให้เปลี่ยนสีตราสัญลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทยเป็นสีน้ำเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเรียกหรือฉายาที่พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน เรียกเราพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน

ย้ำไม่สร้างสงครามสีเสื้อ

จากนี้ไป เมื่อกล่าวถึงพรรคสีน้ำเงิน ให้เป็นที่รับรู้ว่า คือ พรรคภูมิใจไทย แต่เราจะไม่นำความเป็นพรรคสีน้ำเงินไปแบ่งแยกพี่น้องประชาชน หรือก่อให้เกิดความแตกแยก หรือสร้างสงครามสีเสื้อ สร้างความบอบช้ำ สูญเสียให้แก่พี่น้องประชาชน ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ความเป็นพรรคสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทย จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นหลักให้กับการเมืองไทย ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง เข้มแข็ง ด้วยความสงบ สันติ สามัคคี สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ประเทศไทย และธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตลอดไป