ไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ หวั่นผลกระทบ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีไทยสูง 37% บี้ “นายกฯ” เร่งนำเข้าหารือในรัฐสภาสัปดาห์หน้า แทนเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะสำคัญเร่งด่วนกว่า แนะทำ 5 ข้อ ย้ำ ไทยต้องมีนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่ชาญฉลาด
วันที่ 4 เมษายน 2568 พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ในนามพรรคไทยสร้างไทยถึงกรณีผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้า 37% ของสหรัฐอเมริกา ว่าพรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งทีม SPECIAL TASK FORCE ที่นายกรัฐมนตรีต้องนั่งเป็นประธาน เพราะเป็นภารกิจที่เกี่ยวพันหลายกระทรวง ไม่ใช่เพียงตั้งปลัดกระทรวงเป็นประธาน เพราะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้ และควรนำเรื่องนี้เข้าหารือต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า แทนเรื่องเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (สถานบันเทิงครบวงจร) เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนกว่า ที่ควรจะระดมความเห็นจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่ารัฐบาลต้องตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจไทย หลังสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยสินค้าไทยจะถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 37% ซึ่งสหรัฐฯ อ้างเหตุผลว่าประเทศไทยใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) และมีการบิดเบือนค่าเงิน ส่งผลให้สินค้าสหรัฐอเมริกาเสียเปรียบในตลาดการค้า การขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกของไทย คาดการณ์ว่าการส่งออกไทยจะชะลอตัวลง เพราะต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน อาจสร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน สินค้าสำคัญของไทย อาทิ ข้าว กุ้งแปรรูป ยางรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ จะได้รับผลกระทบโดยตรง การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชา จะถูกเก็บภาษีในลักษณะเดียวกัน ขณะที่สินค้าจากจีนอาจทะลักเข้ามาในตลาดมากขึ้น ซ้ำเติมผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ที่ต้องปิดกิจการลงอีกมาก จะเกิดปัญหาการว่างงานตามมา ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานต้องปรับตัวครั้งใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพาวัตถุดิบจากสหรัฐอเมริกาอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น พรรคไทยสร้างไทยจึงมีข้อเสนอและแนวทางในการปรับตัวดังนี้
...
1. เร่งตั้ง SPECIAL TASK FORCE ที่นายกรัฐมนตรีต้องนั่งเป็นประธานเอง เพราะเกี่ยวพันกับหลายกระทรวงและเชิญภาคเอกชนทั้งสภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย สภา SMEs รวมทั้งนักวิชาการ มาร่วมกันระดมความคิดหาทางออก ไม่ใช่ตั้งแค่ปลัดกระทรวงเป็นประธานซึ่งไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้ เพราะระบบราชการไทยจะไม่ทำงานร่วมกันเป็นทีม และควรนำเรื่องนี้เข้าหารือต่อรัฐสภาสัปดาห์หน้า แทนเรื่องเอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนกว่า ที่ควรจะระดมความเห็นจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา
2. เร่งหาข้อมูลให้ครบทุกด้านเพื่อเจรจาต่อรองกับรัฐบาลสหรัฐฯ
3. เปิดตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง พร้อมเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป และขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา
4. เพิ่มการลงทุนในสหรัฐอเมริกาเพื่อบรรเทาแรงกดดันทางการค้า พร้อมทั้งดึงดูดนักลงทุนจากสหรัฐฯ และสร้างโอกาสให้ธุรกิจไทยขยายกิจการไปยังสหรัฐฯ
5. ปรับนโยบายทางการค้า-ลดกำแพงภาษีที่ไม่จำเป็น โดยรัฐบาลควรมีความยืดหยุ่นในการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด
พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยต้องมีนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่ชาญฉลาด ไม่รอให้ประเทศอื่นมากำหนดชะตากรรมทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป และปกป้องผู้ประกอบการไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของนโยบายกีดกันทางการค้า ประเทศไทยต้องรอด พรรคไทยสร้างไทยพร้อมผลักดันนโยบายเพื่อเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง.